บริษัทมองแนวโน้มกำไรในไตรมาส 1/59 คาดว่าจะสูงขึ้นจากไตรมาส 4/58 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 15 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีการขึ้น plant งาน New product ให้กับลูกค้า 3 ราย ทำให้เริ่มมีรายได้จากงานที่ให้อัตรากำไร(มาร์จิ้น)ดีในะดับเฉลี่ยที่ 10-20% ส่งผลให้กำไรในไตรมาสนี้สูงขึ้นจากไตรมาสก่อนอย่างมีนัยสำคัญ แต่หากเทียบกับไตรมาส 1/58 แล้ว ถือว่าผลการดำเนินงานของบริษัทสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้
“ปีนี้เราก็มั่นใจจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ จากปีก่อนที่ขาดทุน 55 ล้านบาท เพราะปีนี้เรามีตัว New product ที่เข้ามาเสริม ซึ่งให้มาร์จิ้นสูง และงาน IC packaging ก็ยังมีการเติบโตอยู่ ซึ่งส่งผลต่อกำไรของบริษัทเรา โดยไตรมาสแรกนี้ก็จะเห็นกำไรดีขึ้น จากงาน New product ของลูกค้า 3 ราย เริ่มขึ้นแพลนท์แล้ว ทำให้เรามีรายได้และกำไรจากงานส่วนนี้เข้ามา ซึ่งหนุนให้กำไรไตรมาสแรกก็จะดีขึ้นจากไตรมาส 4/58 และก็คาดว่าคงจะนำกำไรมาล้างขาดทุนสะสมได้ ส่วนการจ่ายเงินปันผลหลังบริษัทมีกำไรก็อยู่ระหว่างการพิจารณากับคณะกรรมการบริษัท"นายพีระพล กล่าว
สำหรับยอดขายของบริษัทในปีนี้ตั้งเป้าอยู่ที่กว่า 8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 7.6 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายของ New product และส่วนที่เหลือจะเป็นยอดขายของ MMA, IC packaging, Wafer และ HDD สำหรับ New product ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอสรุปและการติดตั้งแพลนท์ผลิตให้กับลุกค้า 10 ราย ซึ่งจะทยอยในปีนี้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะเพิ่มเป็น 6-9% จากปีก่อนที่ 1.93% จากงาน New product หนุน
ส่วนงบลงทุนในปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 200 ล้านบาท แบ่งเป็น การซื้อและติดตั้งเครื่องจักรใหม่สำหรับงาน New product จำรวน 100 ล้านบาท และการซื้อและปรับปรุงประสิทธิภพเครื่องจักรสำหรับงานเดิมอีก 100 ล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดของบรัทและเงินกุ้จากสถาบันการเงิน
นายพีระพล ยังกล่าวถึงโครงการขายแผงโซลาร์ให้กับลูกค้าจากอเมริกาว่า ได้เลื่อนกรอบระยะเวลาสรุปความชัดเจนไปเป็นไตรมาส 3/59 จากเดิมคาดว่าในช่วงเดือน ม.ค.59 ซึ่งเป็นผลมาจากลูกค้าต้องการให้การผลิตแผงโซลาร์เซลล์มีความซับซ้อนและมีรายละเอียดของงานที่ลึกขึ้น ทำให้กระบวนการต่างๆต้องใช้ระยะเวลาในการทำแผนงานเพิ่มขึ้น ซึ่งมีผลต่อความชัดเจนในการสรุปงานดังกล่าว