"ปัจจัยที่จะโต 60% บริษัทเตรียมตัวมานานทั้งภาพลักษณ์องค์กร การวางแผนการเงิน บุคลากร ตัวแทนประกันชีวิตที่เพิ่มขึ้น สินค้าที่เตรียมโดยเฉพาะสินค้าบำนาญ คุ้มครองสุขภาพ ปีนี้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลงหรือฟื้นตัวช้า แต่คนตระหนักถึงการเตรียมเงินไว้เกษียณ มีการวางแผนทางการเงิน รายได้จาก 2 ช่องทางหลักคือผ่านธนาคารกรุงเทพและช่องทางตัวแทนฯ ซึ่งก็โตจาก 2 ช่องทางหลัก ถึงแม้เป้า 2.2 หมื่นล้านบาท ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจด้วยแต่สิ่งสำคัญบริษัทมีแผนขยายธุรกิจที่ชัดเจน" นายโชน กล่าว
อนึ่ง ปี 58 รายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ราว 56,000 ล้านบาท มาจากรายได้เบี้ยประกันภัยรวม 44,000 ล้านบาท และรายได้จากการลงทุน 11,350 ล้านบาท โดยรายได้จากเบี้ยประกันภัย มาจากช่องทางธนาคารคิดเป็นสัดส่วน 79% และตัวแทน 18% ปีนี้ก็เชื่อว่าสัดส่วนทั้ง 2 ช่องทางยังจะขยายตัวไปด้วยกัน ส่วนที่เหลือเป็นช่องทางอื่น ๆ
"การโตจากนี้ไป มีเรื่องเน้นค่านิยมดังนี้ ความศรัทธา ความรับผิดชอบ ความจริงใจ และพัฒนาคน คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งแบรนด์เรามาไกลคนรู้จักมากขึ้น สินค้าเด่นทั้งเบาหวานและบำนาญ ซึ่งเป็นนวัตกรรม"นายโชน กล่าว
นายเสนาะ ธรรมพิพัฒนกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายการลงทุน กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าในปีนี้จะมีเงินใหม่สำหรับธุรกิจการลงทุนที่ 3.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 3.2 หมื่นล้านบาท (ณ สิ้นปี 58 พอร์ตลงทุนรวมอยู่ที่ 2.4 แสนล้านบาท) มาจากทั้งเบี้ยเก่าและเบี้ยรับใหม่ โดยสัดส่วนการลงทุนเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ 80% ตราสารทุน 6.2-6.3% หน่วยลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมกันราว 4%
ในปี 58 พอร์ตลงทุนของบริษัทให้ผลตอบแทน (IRR) ทางบัญชีที่ 5% และปี 59 คาดไว้ในระดับ 4.8-4.9% หรือเกือบ 5% โดยปี 58 มีรายได้จากการขายหลักทรัพย์ 1,100-1,200 ล้านบาท และปี 59 คาดไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท การที่คาดการณ์ว่าต่ำกว่าปีก่อนเพราะหากภาวะตลาดไม่ดีก็ไม่ฝืนขายเงินลงทุนออกไป
"สัดส่วนพอร์ตลงทุนปีนี้กำลังพิจารณาอยู่ เพราะตราสารหนี้ถ้าลงเยอะก็ดอกเบี้ยต่ำมาก แต่บริษัทประกันชีวิตจำเป็นต้องมีตราสารระยะยาว จึงต้องผสมกันแม้ผลตอบแทนจะไม่สูงมาก แต่ก็ต้องกระจายไปในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ก็ต้องดูด้วยว่าจะเพิ่มอย่างไรไม่ให้กระทบเงินกองทุนฯ ซึ่งต้องดูทุกส่วนของการลงทุนอื่น ทั้งหุ้นกู้ต่างประเทศ เพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทน ส่วนหุ้นก็ดูตามภาวะตลาด ขณะที่กองทุนอสังหาฯกับกองทุนโครงสร้างพื้นฐานปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนราว 7-8% ตลอดอายุกอง ส่วนปี 59 ก็ต้องขึ้นอยู่กับราคาตลาดด้วย"
ส่วนกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ นายโชน กล่าวว่า คงต้องขอดูรายละเอียดก่อน หากเข้าไปลงทุนแล้วผลตอบแทนสนับสนุนหรือไม่ เพราะเป็นกองใหม่
"ปี 58 รายได้จากการลงทุน 1.13 หมื่นล้านบาท IRR 5% กำไรจากการขายหลักทรัพย์ 1,100-1,200 ล้านบาท ปีนี้การขายหลักทรัพย์คาดไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ถ้าภาวะตลาดไม่ดีก็ไม่ฝืน ส่วนหุ้นต่างประเทศปีก่อนลงแค่ 1% แต่บอร์ดมี room ให้ 2%"นายโชน กล่าว
ทั้งนี้ มองหุ้นไทยปีนี้ผันผวนเพราะภาพรวมเศรษฐกิจไม่ดี GDP ที่จะขยายตัว 3-3.5% คงยากเพราะเดือนม.ค.เดือนแรกส่งออกก็ติดลบ 8-9% กำไรบริษัทจดทะเบียนคงไม่เติบโตมาก แต่ก็เป็นจังหวะที่ดีที่จะเข้าไปลงทุนในภาวะที่ราคาหุ้นต่ำ