(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดทั่วโลก-คาดเจอ take profit ก่อน ECB

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 9, 2016 09:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงรับผลกระทบจากตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่ออกมาไม่ดี โดยตัวเลขส่งออก-นำเข้าหดตัว แม้ว่าเมื่อวานนี้ในช่วงบ่ายตลาดบ้านเราจะตอบรับไประดับหนึ่งแล้ว แต่ตลาดยุโรปเปิดเทรดในช่วงบ่ายวานนี้ยังติดลบ เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐเมื่อคืนนี้อันเป็นผลจากข้อมูลเศรษฐกิจของจีนเช่นกัน รวมทั้งตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างก็อยู่ในแดนลบกันถ้วนหน้า

นอกจากนี้ ยังมองว่าตลาดฯน่าจะรับแรง take profit ล่วงหน้าก่อนที่จะถึงวันประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ เพราะคาดเดากันแล้วว่าอาจมีการปรับอัตราดอกเบี้ยให้ติดลบมากขึ้น และขยายวงเงิน QE ทำให้ตลาดฯเล่นในประเด็นดังกล่าวมามากแล้วในช่วงก่อนหน้านี้

อีกทั้ง ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.หลายตลาดในเอเชียปรับตัวขึ้นมาราว 10-12% โดยเฉลี่ย ตลาดบ้านเราก็ขึ้นมาจากระดับ 1,220 จุดในเดือน ม.ค.หรือปรับขึ้นมาจนถึงปัจจุบันประมาณ 13% แล้ว ขณะนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าตลาดฯเป็น Bull Market แล้วหรือไม่ แต่ทาง BLS มองว่ายังเป็น Bear Market เนื่องจากยังไม่เห็นการปรับตัวดีขึ้นในด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการส่งออกของไทยยังหดตัว ขณะที่ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบก็ยังเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อตลาดทั่วโลก

พร้อมให้แนวรับ 1,368-1,365 ถัดไป 1,340 จุด ส่วนแนวต้าน 1,391 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (8 มี.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,964.10 จุด ร่วงลง 109.85 จุด (-0.64%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,648.82 จุด ลดลง 59.43 จุด (-1.26%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,979.26 จุด ลดลง 22.50 จุด (-1.12%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 157.56 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 61.98 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 112.84 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 15.21 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 5.57 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.87 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 6.55 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 มี.ค.59) 1,374.62 จุด ลดลง 21.13 จุด (-1.51%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 623.07 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 มี.ค.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (8 มี.ค.59) ปิดที่ 36.5 ดอลลาร์/
บาร์เรล ร่วงลง 1.4 ดอลลาร์ หรือ 3.7%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 มี.ค.59) ที่ 6.50 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.37 แนวโน้มแข็งค่าสวนทางภูมิภาคจากเงินทุนไหลเข้า มองกรอบ 35.30-35.45
  • นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีความเสี่ยงมากกว่าที่ประเมินไว้ แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะใช้นโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยบทบาทหลักยังอยู่ที่นโยบายการคลัง โดยเฉพาะการลงทุนโครงการภาครัฐที่จะเป็นเครื่องจักรสำคัญที่จะขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติทบทวนมติ ครม. เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2558 ที่ให้จัดทำโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ โดยใช้งบกลางปี 2559 จำนวน 233 ล้านบาท และเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) มาเป็นรัฐลงทุนทั้งหมด เนื่องจากพื้นที่ที่คัดเลือก คือ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา เป็นที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ ทำให้ไม่มีเอกชนรายใดกล้าเข้ามาร่วมลงทุน
  • ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 มี.ค.59 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติอนุมัติการจัดทำพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2559 ซึ่งตามปฏิทินจะต้องเสนอหลักเกณฑ์ในวันที่ 29 มี.ค.นี้ เพื่อเสนอร่างกฎหมายให้ ครม.พิจารณา อนมัติก่อนเสนอต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาภายในวันที่ 10 พ.ค.และ 26 พ.ค.59 ตามลำดับ
  • นายแบงก์หวั่นเศรษฐกิจไทยไม่ฟื้นตามคาด เหตุผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น ชี้แนวโน้ม GDP ไทยปีนี้อาจเติบโตในทิศทางขาลง 2.5% กดดันธนาคารวางมาตรการเข้มป้องกัน NPL พุ่ง ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 3.6% จากรัฐกระตุ้นลงทุน ขณะอัตราการเติบโตของบจ. 640 แห่งเฉลี่ย 8% ใกล้เคียงตลาดหุ้นโลกที่ 8.5%

*หุ้นเด่นวันนี้

  • AAV, BA, EPG, TASCO (ซีไอเอ็มบี)"ซื้อเก็งกำไร"รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับลดลงแรง 1.4 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ -3.69% มาปิดที่ 36.5 ดอลลาร์/บาร์เรลวานนี้ หลังจีนเปิดเผยตัวเลขการส่งออกเดือน ก.พ. ออกมา -25% ลดลงมากที่สุดในรอบ 6 ปี แสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจซึ่งจะส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันดิบในฐานะเป็นผู้บริโภคน้ำมันอันดับ 2 ของโลก
  • CK (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 33.50 บาท มองในเชิงบวกผลงานปี 59 ได้แรงหนุนหลักจากงานเพิ่มเติมโครงการไซยะบุรีเกือบ 2 หมื่นล้านบาท และคาดจะมีงานภาครัฐออกประมูลมูลค่าไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาทเป็นตัวผลักดันสำคัญให้ Backlog เติบโตสูงขึ้น คาดการณ์สุวรรณภูมิ เฟส 2 มูลค่า 15,500 ล้านบาทจะเปิดประมูลในเดือน มี.ค.-เม.ย.คาดรายได้รวมปีนี้ที่ 38,000 ล้านบาท (+10% YoY) และอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นกว่าปีก่อนเล็กน้อยที่ 9% ส่งผลให้กำไรสุทธิทั้งปีที่ 1,237 ล้านบาท อีกทั้งยังมีจุดเด่นด้านโครงสร้างกลุ่มธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีลักษณะธุรกิจเกื้อกูลกัน
  • BANPU (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 24 บาท แม้ราคาถ่านหิน US$50.38/ตัน แต่โอกาสในการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์มีน้อยเพราะต้นทุนเหมืองต่ำ คงกำไรปีนี้ที่ 1.01 พันล้านบาท ฟื้นจากขาดทุน 1.53 พันล้านบาทปีก่อน กำไรโรงไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังโรงไฟฟ้าหงสา (BANPU ถือ 40%) ผลิตครบทั้ง 1,878MW ตั้งแต่ต้น มี.ค.,การขาย IPO บมจ.บ้านปูพาวเวอร์ (BPP) ใน 2H16 (pre-emptive right 12 BANPU : 1 BPP) ช่วยลดหนี้ ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหิน 1,200MW ในจีนจะเริ่มผลิตปลายปีหน้า BANPU มี PBV เพียง 0.7 เท่า
  • LPH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 8.20 บาท ปรับกำไรปี 2016-18 เพิ่ม 6-13% จากแนวโน้ม margin ที่ดีขึ้นจากการทยอยเปิดศูนย์แพทย์เฉพาะทาง 9 ด้าน (ตา กระดูก สมอง ทางเดินอาหาร ความงาม หัวใจ เด็ก สูตินรีเวช และทันตกรรม) โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้ +68.7% Y-Y ปี 2017 +20% Y-Y

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ