อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คงยังไม่มีความเหมาะสมในด้านของราคา เนื่องจากบริษัทยังมีแนวโน้มการเติบโตได้อีกมาก ขณะเดียวกันขนาดของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) อยู่ที่ในระดับราว 3,000 ล้านบาทนั้น คาดว่าอีก 2 ปีจะสูงขึ้นไปถึง 5,000 ล้านบาท ตามการเติบโตของผลประกอบการ ซึ่งบริษัทยืนยันว่าจะไม่มีการเพิ่มทุนในระยะเวลา 2 ปีจากนี้ แต่หากมีดีลขนาดใหญ่ที่น่าสนใจและมีความเหมาะสมก็ไม่ปิดกั้นวิธีหาแหล่งเงินทุน
นางนุชนารถ กล่าวถึงทิศทางผลประกอบการในปี 59 ว่า บริษัทคงเป้าหมายรายได้เติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.1 พันล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) 1.7 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ภายในปีนี้ราว 1.3 พันล้านบาท พร้อมทั้งอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่มูลค่าราว 3 พันล้านบาท โดยจะทยอยรู้ผลการประมูลในช่วงครึ่งปีแรกของปี คาดหวังว่าจะได้งานไม่ต่ำกว่า 50% ของมูลค่าทั้งหมด
ในปีนี้บริษัทยังตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 20% และอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 10% โดยจะเน้นเรื่องการบริหารจัดการต้นทุน และต่อรองราคาวัสดุก่อสร้างที่ใช้ในงาน จะช่วยลดต้นทุนให้ภาพรวมอัตรากำไรมีแนวโน้มดีขึ้น
"ช่วงที่ผ่านมาแม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว และสถานการณ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็ชะลอตัวลง แต่เราไม่ได้รับผลกระทบ เพราะเรามีสัดส่วนรายได้จากตลาดอสังหาริมทรัพย์เพียง 5% แต่ในสัดส่วนรายได้หลักจากการปรับปรุงโรงพยาบาล โรงแรม และศูนย์ราชการต่างๆ ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากที่เปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) แล้วทำให้ธุรกิจโรงแรมและโรงพยาบาล มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องทำให้บริษัทฯมีการเติบโต แม้เศรษฐกิจจะชะลอ"นางนุชนารถ กล่าว
นางนุชนารถ เปิดเผยอีกว่า ผลงานในไตรมาส 1/59 ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน