AH ตั้งเป้าปี 59 รายได้โต 5% ตามทิศทางอุตฯยานยนต์,เล็งขยายลงทุนในเอเชีย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 9, 2016 13:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเย็บ ซู ชวน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาปิโก ไฮเทค (AH) คาดว่ารายได้ปี 59 จะเติบโตได้ราว 5% จากปีก่อนที่ทำได้ ราว 1.5 หมื่นล้านบาท โดยจะเติบโตไปตามอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คาดว่าจะเติบโตได้ราว 5% หรือมียอดการผลิตอยู่ที่ 2 ล้านคัน จากปีก่อนอยู่ที่ 1.9 ล้านคัน ขณะที่มองโอกาสขยายลงทุนในเอเชีย โดยเฉพาะในมาเลเซีย ,อินโดนีเซีย ,อินเดีย และฟิลิปปินส์
"เรามองว่าอุตสาสหกรรมยานยนต์ปีนี้จะเติบโตดีกว่าปีก่อน และเราก็น่าจะเติบโตไปตามอุตสาหกรรม จะเห็นได้ว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาก็มีออเดอร์จากลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเราก็มีการออก product รุ่นใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูง ทำให้ยอดขายและความสามารถของการทำกำไรในปีนี้ก็น่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมาแน่นอน"นายเย็บ ซู ชวน กล่าว

นายเย็บ ซู ชวน กล่าวว่า บริษัทมีคำสั่งซิ้อสำหรับการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ให้กับค่ายรถยนต์ขนาดใหญ่ เช่น โตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน อีซูซุ และฟอร์ด เป็นต้น ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/59 ที่จะเติบโตได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในส่วนของอัตรากำไรสุทธิคาดว่าจะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 2.5% และจะเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/58 ขณะที่ในไตรมาส 1/58 ถือว่าเป็นช่วงตกต่ำของอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วย ทำให้เป็นการเติบโตจากฐานที่ต่ำด้วย

นอกจากนี้ บริษัทคาดอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะมากกว่า 5% จากปีก่อนอยู่ที่ 4.91% เป็นผลมาจากการออกผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูง รวมถึงอัตรากำไรสุทธิก็จะมากกว่าปีก่อนที่อยู่ที่ 2.07% จากการควบคุมต้นทุนในทุกส่วน ทั้งการผลิต การควบคุมค่าใช้จ่ายดีขึ้น ขณะที่ปีนี้วางงบลงทุนไว้ราว 400 ล้านบาท เพื่อใช้ซื้อเครื่องจักรใหม่ และปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรเดิม ส่วนการขยายกำลังการผลิต ยังเห็นว่าไม่มีความจำเป็นในขณะนี้ จากปัจจุบันที่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 60-70% สามารถรองรับคำสั่งซื้อที่จะเข้ามาได้อีกมาก

พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงมองโอกาสขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่อง โดยมีความสนใจอินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จากปัจจุบันที่ได้ลงทุนในจีน และมีไทยเป็นฐานการผลิตหลัก ขณะที่สัดส่วนการส่งออกมากกว่า 50% เนื่องจากมองว่าประเทศเหล่านี้มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทได้ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม รูปแบบการลงทุนเป็นลักษณะเปิดกว้าง ทั้งการเข้าร่วมทุนกับพันธมิตร (JV) หรือการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ซึ่งหากมีการลงทุนเกิดขึ้นบริษัทก็มีความพร้อมด้านการลงทุน จากปัจจุบันมีหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.5 เท่า ทำให้สามารถกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินได้อีกมาก

สำหรับเป้าหมายในปี 63 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เพิ่มขึ้นมาแตะระดับ 3 หมื่นล้านบาท จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะมีอย่างต่อเนื่อง และการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ ซึ่งบริษัทวางแผนเป็นผู้นำผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ