ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 25-30% จาก 1.17 หมื่นล้านบาทในปีก่อน เป็นการเติบโตจาก 3 ธุรกิจหลัก คือ งานโครงการคาดว่าจะมีรายได้ราว 1 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) แล้ว 9.5 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 60-70% ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่ราว 1.6 หมื่นล้านบาทภายใต้โครงการ Digital Economy ของบมจ.ทีโอที (TOT) และบมจ.กสท โทรคมนาคม (CAT) คาดหวังได้งานไม่ต่ำกว่า 60-70% ของมูลค่างานทั้งหมด ซึ่งจะทยอยรู้ผลการประมูลภายในไตรมาส 1/59
สำหรับธุรกิจการค้า คาดว่าจะมีรายได้เข้ามาราว 4 พันล้านบาท เป็นการเติบโตจากตลาดในประเทศจีน และเมียนมาร์ โดยเฉพาะในเมียนมาร์จะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี หลังจากที่ได้เข้าไปเริ่มรุกธุรกิจตั้งแต่ช่วงครึงปีหลังของปี 58 ส่วนธุรกิจบริการ บริษัทตั้งเป้ารายได้ราว 1 พันล้านบาท
นอกจากนี้ ยังหวังจะมีรายได้จากดีลพิเศษ คือโครงการล็อตตารี่ออนไลน์ ปัจจุบันบริษัทได้เตรียมงบลงทุนไว้ราว 150-200 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาระบบ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากภาครัฐ ขณะเดียวกันคาดหวังว่าจะมีรายได้จากการให้เช่ารถเมล์ไฟฟ้าราว 20 คันจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่มีโครงการจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้าจำนวน 200 คัน คาดว่าจะมีรายได้เข้ามาราว 350-400 ล้านบาท น่าจะรู้ผลในเดือน พ.ค.นี้
"หลังจากที่เรามีการปรับโครงสร้างทางการเงินภายในแล้วเสร็จ และได้ตัดธุรกิจร่วมค้าที่ไม่มีผลประกอบการที่ดีออก รวมถึงออกหุ้นกู้เพื่อมาชำระหนี้ระยะยาว ช่วยให้บริษัทมีแนวโน้มผลการดำเนินงานดีขึ้น ซึ่งปีนี้เรามีเป้าหมายที่จะให้กำไรสุทธิและรายได้เติบโตในทิศทางเดียวกัน คือ 25-30% ซึ่งจะมาจาก 3 ธุรกิจหลักคือธุรกิจด้านเทคโนโลยี ธุรกิจการค้า และธุรกิจบริการ"นายบุญเลิศ กล่าว