ขณะที่บริษัทตั้งงบลงทุนปีนี้ราว 500-600 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตเครื่องดื่มกระป๋อง และปรับปรุงเครื่องจักร
นางสาวณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ รองประธานกรรมการบริหาร CBG เปิดเผยว่า ในปี 59 บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 15-20% จากปีก่อนที่ทำยอดขายได้ 7.8 พันล้านบาท โดยจะมาจากการเติบโตของยอดขายในต่างประเทศที่เป็นปัจจัยหนุน โดยเฉพาะตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV ที่บริษัทประเมินว่าในปี 59 จะมียอดขายเติบโต 30-40%
นอกจากนี้ บริษัทยังขยายตลาดเข้าไปในประเทศอังกฤษ โดยล่าสุดได้เป็นสปอนเซอร์ให้กับทีมฟุตบอลเชลซี คาดว่าจะช่วยให้สร้างการรับรู้ในแบรนด์ของบริษัทในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งจากการขยายตลาดในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้สัดส่วนยอดขายในต่างประเทศปี 59 จะแตะที่ระดับ 30% จากปีก่อนอยู่ที่ 29% ส่วนที่เหลือเป็นสัดส่วนยอดขายในประเทศ
ขณะที่ยอดขายใน 2 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.พ.59) สามารถทำยอดขายได้เป็นสถิติสูงสุด (New High) ตั้งแต่ปี 53 ซึ่งสวนทางกับอุตสาหกรรมเครื่องดื่มชูกำลังในปัจจุบันที่ติดลบ 2% จากยอดขายของ CLMV ที่เห็นการเติบโตอย่างมาก เนื่องจากเครื่องดื่มของบริษัทเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น
ในส่วนของอัตรากำไรขั้นและอัตรากำไรสุทธิของบริษัทในปี 59 นั้นคาดว่าจะปรับตัวลดลงจาก 37% และ 16% ในปี 58 เป็นผลจากการขายผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ สาหร่ายทอดบรรจุซอง ตราโกริโกะ และน้ำดื่มคาราบาวแดงที่ให้มาร์จิ้นไม่มากที่ 20% ประกอบกับ การขยายตลาดเข้าไปในประเทศอังกฤษในช่วงแรกนั้นยังให้มาร์จิ้นต่ำไม่ถึง 20%
อีกทั้งต้นทุนของบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วเพิ่มขึ้น กกำลังการผลิตขวดแก้วที่ไม่เพียงพอต่อยอดขาย โดยบริษัทมีกำลังการผลิตขวดแก้วในปัจจุบันอยู่ที่ 650 ล้านขวดต่อปี ซึ่งบริษัทสามารถขายเครื่องดื่มขวดแก้ได้ 700 ล้านขวดในปีก่อน และจะเพิ่มมากขึ้นอีกในปีนี้
“ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เราออกมาทั้งสาหร่ายและน้ำดื่มมาร์จิ้นไม่สูงนัก ที่เราทำออกมาเพราะเป็นการกระจายผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายมากขึ้น และเป็นการกระจายความเสี่ยงของบริษัท เพราะเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศตอนนี้ก็มีแนวโน้มที่ชะลอตัว ส่วนโปรดักส์ใหม่ในปีนี้ที่เราจะออกมาก็มีไม่ต่ำกว่า 10 โปรดักส์ซึ่งจะขายทั้งในต่างประเทศ"นางสาวณัฐชไม กล่าว
ด้านงบลงทุนของบริษัทในปีนี้วางไว้ที่ 500-600 ล้านบาท สำหรับใช้ขยายกำลังการผลิตกระป๋องเพิ่มเป็น 600 ล้านกระป๋องต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 320 ล้านกระป๋องต่อปี โดยใช้เงินลงทุนในส่วนนี้กว่า 300 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร ซึ่งเงินลงทุนมาจากกระแสเงินสดของบริษัทที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 2 พันล้านบาท
ส่วนโอกาสในขยายตลาดในต่างประเทศเพิ่มอีกนั้น บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทเข้าไปในประเทศจีนและอินโดนีเซีย ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจากับผู้แทนจัดจำหน่ายท้องถิ่น แต่ยังไม่มีความชัดเจนในเร็วๆนี้ อีกทั้งบริษัทยังมองหาโอกาสในการเข้าซื้อกิจการเพื่อเสริมสร้างการเติบโตของบริษัทในอนาคต โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีผู้เสนอขายกิจการให้กับบริษัทหลายราย แต่ยังไม่มีความชัดเจนใดๆทั้งสิ้น