ทั้งนี้ รูปแบบการนำเสนอขายในลักษณะดังกล่าว จะช่วยให้ DRT มีขีดความสามารถการแข่งขันเพิ่มขึ้น เพื่อรุกขยายฐานลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำและร้านค้าวัสดุก่อสร้างรายย่อยให้มากขึ้น อีกทั้งยังสามารถเพิ่มยอดขายต่อการสั่งซื้อสินค้าหลังคาในแต่ละครั้งเป็นเฉลี่ย 100,000 บาทต่อหลัง ซึ่งเชื่อว่าด้วยแนวทางดังกล่าว จะช่วยเพิ่มสัดส่วนยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์หลังคาเพิ่มขึ้นเป็น 60% จากยอดขายรวมทั้งหมด จากเดิมที่มีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 50%
"การนำเสนอขายสินค้าในรูปแบบโซลูชั่นนั้น จะทำให้ DRT มีความแข็งแกร่งในการทำตลาดเพื่อรองรับการแข่งขันได้ดีขึ้นและยังรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นที่ดีด้วย เนื่องจากการขายสินค้าพร้อมอุปกรณ์ส่วนประกอบหลังคาและบริการรับเหมามุงนั้น จะทำให้ลูกค้ามียอดสั่งซื้อสินค้าต่อครั้งเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อทิศทางการดำเนินงานของเราในปีนี้"นายสาธิต กล่าว
ทั้งนี้ จากแนวทางดังกล่าว DRT เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อยอดขายสินค้ากระเบื้องคอนกรีตในปีนี้ที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตได้ดี เช่นเดียวกับกลุ่มไม้สังเคราะห์เป็นอีกหนึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีโอกาสสร้างยอดขายให้เติบโต เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคมีการนำผลิตภัณฑ์วัสดุไม้สังเคราะห์ไปใช้ตกแต่งที่อยู่อาศัยทั้งภายในและภายนอกเพิ่มขึ้น
นายสาธิต กล่าวว่า ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในปีนี้ คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากในช่วงกว่า 2 เดือนแรกที่ผ่านมา ตลาดยังอยู่ในภาวะทรงตัว อย่างไรก็ตาม กลุ่มลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์ยังมีการขยายตัวเป็นที่น่าพอใจ โดยกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่เป็นลูกค้าของ DRT มียอดคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากได้ลงทุนขยายโครงการเพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค เช่นเดียวกับตลาดส่งออกที่มีอัตราเติบโตที่ดีเช่นกัน