ขณะที่บริษัทมีแผนเปิดให้บริการศูนย์การค้าแห่งใหม่ที่นครศรีธรรมราชในปีนี้ และมีโครงการอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซ่านครราชสีมา เซ็นทรัลไอซิตี้ที่ประเทศมาเลเซียที่คงแผนเปิดในปี 61
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะปรับปรุงศูนย์การค้า 3 โครงการ ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเซ็นเตอร์พัทยา เซ็นทรัลเฟสติวัลภูเก็ต เฟสแรก และ เซ็นทรัลพลาซ่าพระราม 3 เพื่อดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น
บริษัทตั้งงบลงทุนในช่วง 3 ปีจำนวน 4.67 หมื่นล้านบาท เพื่อลงทุนก่อสร้างศูนย์การค้าใหม่ ใช้ปรับปรุงศูนย์การค้าเดิม และซื้อที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคตนี้ โดยปีนี้ใช้งบลงทุนราว 1.4 -1.5 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันมีโครงการเดิมที่อยู่ระหว่างการปรับปรุง 2 แห่ง ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลปิ่นเกล้าเฟส 2 และ เซ็นทรัลบางนา เฟส 3
น.ส.นภารัตน์กล่าวว่า บริษัทยังคงอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนศูนย์การค้าในต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสนใจลงทุนในประเทศเวียดนาม และ ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะเข้าไปลงทุนลักษณะเดียวกับที่ลงทุนในมาเลเซีย โดยร่วมทุนพันธมิตรท้องถิ่น แต่ยังไม่สามารถสรุปความชัดเจนการลงทุนดังกล่าวได้ โดยบริษัทยังคงเน้นการทำธุรกิจในประเทศก่อน อย่างไรก็ดี มองว่าเศรษฐกิจในเวียดนามและอินโดนีเซียมีการเติบโตที่ดี โดยประเทศเวียดนามมีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ยังไม่มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่
พร้อมกั้นนี้ บริษัทยังศึกษาลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมบนพื้นที่บริเวณศูนย์การค้าของ CPN โดยเมื่อกลางเดือนม.ค.ที่ผ่านมาได้เปิดขาย (presale) โครงการคอนโดมิเนียมภายใต้ชื่อ ESCENT ในเชียงใหม่ ขอนแก่น และระยอง ซึ่งอยู่บริเวณพื้นที่เดียวกับศูนย์การค้าของ CPN หลังเปิดขายได้รับการตอบรับที่ดี โดยเชียงใหม่มียอดพรีเซล 80% ส่วนระยองมียอด 50% และขอนแก่นมียอด 60% ซึ่งคาดว่าน่าจะดำเนินการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมได้ในเร็วๆนี้ นับว่าว่าเป็นอีกธุรกิจที่สร้างรายได้ให้บริษัทอีกทางหนึ่ง
น.ส.นภารัตน์ คาดว่าภายในปีนี้จะได้ความชัดเจนการแปลงสภาพกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท(CPNRF) มาเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ (REIT) โดยขณะนี้ยังติดปัญหาเรื่องภาษีที่มีความแตกต่างระหว่างกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกอง REIT และจะต้องศึกษาให้ดีเพื่อไม่ให้กระทบผู้ถือหน่วยกองทุน แต่หากในปีนี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้ก็จะไม่กระทบฐานะการเงิน เพราะบริษัทมีกระแสเงินสดอยู่จำนวนหนึ่งและมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) อยู่เพียง 0.4 เท่า ซึ่งยังสามารถขยายวงเงินกู้ได้
ประกอบกับ บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้ จำนวน 3 - 5 พันล้านบาท เพื่อไปทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอนและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
"ปีนี้ บริษัทยังคงเน้นการสร้างการเติบโตของบริษัทอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าปีนี้จะมีการเปิดศูนย์การค้าเพียง 1 โครงการ ที่นครศรีธรรมราช แต่ก็จะรับรู้รายได้เต็มปีจากศูนย์การค้าที่เปิดไปแล้วเมื่อปีก่อน ขณะที่การรปรับปรุงศูนย์การค้าก็เพื่อสร้างจุดเด่นและสร้างความแตกต่างของศูนย์การค้าเพื่อตอบสนองไลฟสไตล์แต่ละกลุ่ม" นส.นภารัตน์ กล่าว
ปัจจุบัน CPN มีศูนย์การค้าภายใต้การบริหารทั้งหมด 29 แห่ง โดย 13 แห่งอยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล ที่เหลือ 16 แห่ง กระจายในต่างจังหวัด