(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้อ่อนลงตามภูมิภาค คาด Sell on fact หลังรู้ผล ECB

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 11, 2016 09:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะอ่อนตัวลงต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ เนื่องจากเริ่มเห็นตลาดฯมีแรงขายทำกำไรที่ชัดเจนขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มพลังงานเริ่มเห็นการปรับตัวลงอย่างมีน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งมองว่าตลาดฯได้เริ่มเข้าสู่การถูกขายแล้ว

สำหรับการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็ได้จบสิ้นไปแล้ว ซึ่งก็ออกมาถือว่าสร้าง Surprise ให้กับตลาดฯได้ จากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร สู่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 0.05% นอกจากนี้ ECB ยังได้ประกาศเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) สู่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน จากเดิมที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน ทำให้คาดว่าตลาดฯจะมี Sell on fact โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบกันแต่ไม่มาก

อย่างไรก็ดี ช่วงนี้แนะนำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงหุ้นขนาดใหญ่ไปก่อน อย่างหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มแบงก์ และให้เข้าลงทุนหุ้น Laggard ได้อย่างหุ้น HMPRO และ CK เป็นต้น พร้อมให้แนวรับ 1,367 จุด ส่วนแนวต้าน 1,380 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 มี.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,995.13 จุด ลดลง 5.23 จุด (-0.03%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,662.16 จุด ลดลง 12.22 จุด (-0.26%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,989.57 จุด เพิ่มขึ้น 0.31 จุด (+0.02%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 242.17 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 23.14 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 83.75 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 2.59 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.03 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.18 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.11 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 มี.ค.59) 1,379.06 จุด ลดลง 11.60 จุด(-0.83%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 226.19 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 มี.ค.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 มี.ค.59) ปิดที่ 37.84 ดอลลาร์/
บาร์เรล ลบ 45 เซนต์ หรือ 1.2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 มี.ค.59) ที่ 7.47 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.21 ทรงตัวจากวานนี้ แต่แนวโน้มอ่อนค่าหลังลงมามาก
  • ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเผยภาคเอกชนไทยปรับตัวได้ดีกับภาวะชะลอตัวของเศรฐกิจ เตือนรัฐกระตุ้นการบริโภคช่วงเศรษฐกิจขาลงเป็นการสร้างหนี้เพิ่ม หนุนให้จ่ายเงินตรงให้เกษตรกร
  • นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอโครงการบ้านประชารัฐ วงเงินสินเชื่อ 7 หมื่นล้านบาท ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบใน 1-2 สัปดาห์นี้ แบ่งเป็นสินเชื่อให้ผู้ประกอบการกู้ไปสร้างที่อยู่อาศัย 3 หมื่นล้านบาท อีก 4 หมื่นล้านบาทจะนำไปให้ประชาชนกู้ซื้อบ้าน
  • รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 9/2559 จะทำให้โครงการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเร่งด่วน 20 โครงการ มูลค่ารวม 1.796 ล้านล้านบาท สามารถเริ่มก่อสร้างทุกโครงการได้ภายในปีนี้
  • สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า มีการหารืออย่างต่อเนื่องในการเพิ่มความเข้มของบทลงโทษผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ใช้ข้อมูลภายในเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ (อินไซเดอร์) ในคดีอาญา จากเดิมที่จ่ายค่าปรับแล้วผู้บริหารจะพ้นแบล็กลิสต์ เบื้องต้นจะมี 2 มาตรการ คือ เพิ่มบทลงโทษทางแพ่งและทางอาญา และมาตรการป้องกัน โดยบริษัทที่มีข้อมูลภายในและเป็นข้อมูลลับ ไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน จะต้องบริหารจัดการไม่ให้กระทบต่อราคาหุ้น

*หุ้นเด่นวันนี้

  • STEC (ไอร่า) เป้า 29 บาท คาดราคาหุ้นสะท้อนผลงาน Q4/58 โดยเฉพาะกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ลดลงเหลือเพียง 163 ล้านบาทต่ำสุดในรอบปี แต่เป็นโอกาสทยอยลงทุนภายใต้ความน่าสนใจในเชิงพื้นฐาน Backlog ล่าสุดที่ 64,000 ล้านบาทเป็น New High ใหม่รองรับการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่า 3 ปี ขณะที่ยังมีโอกาสได้รับงานเพิ่มจากโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ และยังมีความสามารถทำกำไรที่มีอยู่ในระดับที่ดี ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร และดอกเบี้ยจ่ายต่ำ ฐานะการเงินแกร่ง
  • CK (โกลเบล็ก) เป้า 32 บาท Backlog 8.3 หมื่นลบ. รองรับรายได้อีก 3 ปี ได้ประโยชน์จากโครงการลงทุนภาครัฐกว่า 5 แสนลบ. ทั้งนี้บ.ตั้งเป้ารายได้ปี 59 +3% สู่ 3.5 หมื่นลบ. พร้อมคาดกำไรปี 59 ที่ 1.8 พันลบ. ตามการรับรู้รายได้จากโครงการขนาดใหญ่อาทิ โครงการเขื่อนไชยะบุรี โครงการทางด่วนศรีรัช และรับรู้กำไรจาก BEM เพิ่มขึ้น
  • JASlF (ซีไอเอ็มบี) "ซื้อ"เป้า 11 บาท กสทช.ระบุว่า หาก บมจ.แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด ในกลุ่ม บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ไม่นำเงินมาชำระค่าใบอนุญาต 4G คลื่นความถี่ 900 MHz ภายในวันที่ 21 มี.ค.นี้ ก็ไม่กระทบกับใบอนุญาตอื่นๆ ที่เคยได้รับไปแล้ว เนื่องจากถือว่าเป็นคนละนิติบุคคลกัน ช่วยปลดล๊อคความกังวลของตลาดห่วงผลกระทบต่อใบอนุญาต fix broadband ของ JASIF ดังนั้นคาดราคาหุ้น JASIF ที่ laggard ก็น่าจะกลับมาใกล้เคียงการปรับขึ้นของกลุ่มได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ