นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะเน้นการจำหน่ายสินค้ากลุ่มเนยสำหรับช่องทางเบเกอรี่ที่ มีการเติบโตที่ดี โดยจะว่าจ้างผลิตเพื่อประเมินการตอบรับของตลาดก่อนพิจารณาลงทุนในเครื่อง จักรใหม่ ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ในช่องทางเบเกอรี่อีก 5-10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10%
สำหรับการทำธุรกิจในต่างประเทศ บริษัทจะเดินหน้าทำตลาดในประเทศเมียนมาร์ ลาว กัมพูชา เพื่อรองกับการเปิดตลาด AEC โดยได้นำน้ำมันปาล์ม “หยก" และน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน “เนเชอเรล" เข้าไปจำหน่าย คาดว่าจะช่วยให้ยอดขายต่างประเทศเติบโตขึ้น จากปัจจุบันที่มีรายได้ประมาณ 5%
นางสาวอัญชี กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อยในงวดปี 2558 มีรายได้รวม 8,291 ล้านบาท ลดลง 2.85% จากปีก่อนที่มีรายได้ 8,534 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 311.42 ล้านบาท ลดลง 18.19% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 380.67 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากเงินปันผลรับจากบริษัทย่อยลดลง และปริมาณการขายลดลงเล็กน้อย
เนื่องจากในปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มโดยรวมของประเทศไม่ขยายตัว โดยมีความต้องการใช้น้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคประมาณ 1 ล้านตัน และมีความต้องการใช้น้ำมันปาล์มเพื่อผลิตไบโอดีเซล 8 แสนตันเศษ คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ภาวะชะงักงันของอุตสาหกรรมดังกล่าว เกิดขึ้นใน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่ ช่องทางอุตสาหกรรมและค้าปลีก สาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มลดลง ขณะที่อุปทานการผลิตมีอยู่มากจนล้นตลาด โดยสิ้นปี2558 สต็อคน้ำมันปาล์มโดยรวมทั้งประเทศอยู่ที่ 3.34 แสนตัน เนื่องจากในปีที่ผ่านมาผู้ผลิตไม่สามารถส่งออกน้ำมัน ปาล์มดิบได้ จากปีก่อนหน้าที่ส่งออกไป 1.67 แสนตัน เพราะราคาต่างประเทศถูกกว่าในประเทศ