"ปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าเราสามารถทำได้ตามแผนที่จะลดการขาดทุน ซึ่งในส่วนของการขายเรามีกำไรเล็กน้อย แต่เราได้ใช้เงินไปศึกษาในเรื่องของการลงทุนเรื่องพลังงานทดแทนทำให้มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ขึ้นมา แต่ปีนี้เราคาดว่ายอดขายเหล็กจะเติบโตเป็นเท่าตัวจากปีก่อนมียอดขายอยู่ 60 ล้านบาท และเราจะมีการบันทึกรายการพิเศษเข้ามาอีกก็ทำให้เรามั่นใจว่าผลประกอบการจะพลิกกลับมามีกำไรอย่างแน่นอน"นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MAX กล่าว
นายขจรศิษฐ์ คาดว่ายอดขายเหล็กในปีนี้จะสูงขึ้น หลังจากปรับมาขายเหล็กเส้นให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น และบริษัทยังเน้นการขายเหล็กให้กับลูกค้าที่ไว้ใจได้ มีการชำระเงินตรงตามเวลา นอกจากนี้ยังจะมีการบันทึกรายการพิเศษ จากที่บริษัทได้เจรจากับลูกหนี้การค้าให้กลับมาชำระหนี้ได้ ขณะเดียวกันบริษัทยังเตรียมนำส่วนเกินมูลค่าหุ้นมาล้างขาดทุนสะสมทั้งหมด 376 ล้านบาทในปีนี้ด้วย
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อที่จะเข้าซื้อหุ้นของบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลาง โดยจะเข้าซื้อหุ้นของไซมิส ก่อนที่จะเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) หรือในช่วง IPO แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีการสรุปเรื่องงสัดส่วนการถือหุ้น เนื่องจากต้องขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ด้วย
ทั้งนี้คาดว่าบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด จะสามารถยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลให้แก่ก.ล.ต. ในช่วงปลายปี 59 ก่อนจะเข้าจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ต่อไป
ด้านนายพงษ์ดิษฐ พจนา ประธานกรรมการ ของ MAX กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างจรจาเข้าซื้อหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้า 2 แห่ง คิดเป็นกำลังการผลิตตามสัดส่วนร่วมทุนราว 20 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในไตรมาส 2/59 นี้ สำหรับเงินลงทุนส่วนใหญ่จะมาจากเงินทุนของบริษัทที่ปัจจุบันมีอยู่ 900 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามหากมีดีลที่น่าสนใจ และให้ผลตอบแทนที่ดี บริษัทก็ยังสามารถกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินได้เพิ่มเติม โดยปัจจุบันมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่เพียง 0.01 เท่า
สำหรับแผนงานของบริษัทจะรุกธุรกิจใหม่ๆ เช่น ธุรกิจด้านพลังงานทดแทน ที่มองว่าปัจจุบันเหมือนเป็นปัจจัยที่ 5 สำหรับการดำรงชีวิต และราคาขายไฟฟ้าก็ยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"จากก่อนหน้านี้เรามีเพียงธุรกิจขายเหล็กเท่านั้น แต่ปัจจุบันเราก็มองหาธุรกิจใหม่ๆเพื่อให้มีการเติบโต ซึ่งปัจจุบันเราก็ศึกษาในธุรกิจพลังงานทดแทนซึ่งเป็นปัจจัยที่ 5 สำหรับการดำรงชีวิตไปแล้ว ในส่วนธุรกิจอื่นๆที่น่าสนใจแต่ถ้าไม่คุ้นเคยเราก็จะศึกษาเพิ่มเติม ซึ่งเราจะเน้นธุรกิจในประเทศ และขยายด้วยความระมัดระวัง ในส่วนธุรกิจเดิมเราก็จะเน้นขายให้กับลูกค้าที่ไว้ใจได้ เพื่อที่จะลดความเสี่ยงเรื่องหนี้เสียที่ก่อนหน้านี้เราประสบปัญหามาตลอด"นายพงษ์ดิษฐ กล่าว