ประกอบกับภาพรวมตลาดแนวราบในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล มีแนวโน้มเติบโตขึ้นมาก โดยเฉพาะตลาดทาวน์โฮม ในระดับราคา 2-4 ล้านบาท ซึ่งจะกลุ่มลูกค้าพนักงานบริษัทที่ได้รับเงินเดือนประจำ ซื้อเป็นบ้านหลังแรกที่ยังมีความต้องการอยู่มาก ทำให้บริษัทมั่นใจว่าทำยอดขายไตรมาสแรกจะเป็นไปตามเป้าอย่างแน่นอน
“ยอดขายที่ต้องทำอีกแค่ 400 ล้านบาทเท่านั้นจากปัจจัยบวกของตลาดรวมถึงการเปิดโครงการใหม่ของเราทั้ง 3 โครงการก็มีบอดขายที่ดี ทำให้เรามั่นใจว่ายอดขายในไตรมาสแรกจะทำได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 3.5 พันล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ 1.4 หมื่นล้านบาท"นายแสนผิน กล่าว
ทั้งนี้บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายในครึ่งปีแรกของปีนี้ไว้ที่ 7 พันล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายเป้าหมายในไตรมาส 1/59 และไตรมาส 2/59 ไตรมาสละ 3.5 พันล้านบาท โดยเป้าหมายยอดขายทั้งปีตั้งไว้ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทยังมั่นใจว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายดังกล่าว
ส่วนยอดการโอนในช่วง 2เดือนแรกนั้นมีการเติบโตขึ้นโดยมียอดโอนอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท จากเป้ายอดโอนไตรมา 1/59 ที่วางไว้1.8 พันล้านบาท ซึ่งเหลือยอดโอนที่ต้องโอนอีก 700ล้านบาท คาดว่าจะมีการโอนที่ครบตามจำนวนเป้าหมาย
แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/59 ทั้งรายได้และกำไรคาดว่าจะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐยังไม่สิ้นสุด ซึ่งส่งผลดีกับบริษัท โดยเฉพาะตัวโครงการแนวราบที่ในช่วงที่ผ่านมาขายสต็อกออกไปได้แล้วราว 1 พันล้านบาทจากสิ้นปีทีเรามีอยู่ 2 พันล้านบาท และบริษัทได้เปิดโครงการไปแล้ว 3 โครงการในไตรมาสแรกนี้ ซึ่งมากกว่าการเปิดในปีก่อน ทำให้บริษัทมองแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาสแรกจะดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหวางการศึกษาการขยายตลาดไปในต่างจังหวัดและการลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม รวมถึงการขยายตลาดไปยังประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) แต่ยังไม่สามารถระบุระยะเวลาที่แน่นอนได้
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปีนี้มองว่าตลาดบ้านระดับล่างจะมีความคึกคักมากกว่าตลาดบน เนื่องจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของกล่มบ้านระดับบนยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังชะลอตัว รวมถึงการส่งออกที่ชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอ ส่งผลกระทบต่อรายได้ของกลุ่มลูกค้าบ้านระดับบนที่เป็นกลุ่มผู้ประกอบการขนาดใหญ และ SMEs ซึ่งสังเกตุได้จากยอดขายบ้านราคาแพงในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาชะลอตัวลงแต่ตลาดบ้านระดับล่างกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นพนักงานที่ได้รับเงินเดือนยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แม้ว่าระดับหนี้ครัวเรือนจะยังอยู่ในระดับที่สูง ซึ่งอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ยังทรงตัวอยู่ที่ 35%