และในวันที่ 18 มี.ค.จะต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งคาดว่า จะไม่ปรับลดดอกเบี้ย แต่อาจจะมุ่งเน้นไปในทางเร่งการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ เหมือนกับธนาคารกลางยุโรป (ECB)
SET สัปดาห์นี้น่าจะเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นโลกและตลาดหุ้นภูมิภาค ตอบรับปัจจัยที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีกทำให้ติดลบมากกว่าเดิม และได้ประกาศเพิ่มวงเงินมาตรการ QE จาก 60,000 ล้านยูโร เป็น 80,000 ล้านยูโรต่อเดือน พร้อมเพิ่มจำนวนวงเงินสินเชื่อระยะยาวทดแทนสินเชื่อเดิมแก่ธุรกิจ และส่งสัญญาณว่าการลดดอกเบี้ยครั้งนี้จะเป็นการลดครั้งสุดท้าย ยกเว้นจะเกิดวิกฤติการอื่นใด เท่ากับนับจากนี้จะมุ่งเน้นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโดยให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อเข้าเศรษฐกิจจริงให้ได้ โดยจะไม่ให้เงินยูโรอ่อนค่าลงไปจากปัจจุบันแล้ว เมื่อนักลงทุนเริ่มเข้าใจว่านี่คือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเต็มที่ซึ่งจะมีผลบวกมากกว่าการยุติการลดดอกเบี้ยจึงเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
ด้านราคาน้ำมันกลับมาพุ่งขึ้นต่อหลังจากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในสหรัฐที่ดำเนินการลดลงอย่างต่อเนื่อง และ International Energy Agency แถลงย้ำว่าราคาน้ำมันได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ด้านการประชุมของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันได้มีการเลื่อนกำหนดการประชุมออกไปจากกลางเดือน มี.ค. เป็นเดือน เม.ย. เนื่องจาก อิหร่านยังไม่ยอมหยุดยั้งการเพิ่มการผลิตน้ำมันจึงยังตกลงกันไม่ได้ ทั้งนี้ ราคาน้ำมันยังคงเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดโดยตลาดเริ่มมองมากขึ้นว่า ราคาน้ำมัน ยกตัวอย่างเช่น Brent ได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วที่ 27.10 USD/บาร์เรล ปัจจุบันอยู่ที่กว่า 40 USD/บาร์เรล
สำหรับ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ แนะนำหุ้น บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ซึ่งมีธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าของกลุ่ม ปตท. ปัจจุบันมีกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งสิ้น 1,338 เมกกะวัตต์ ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะขยายกำลังผลิตไฟฟ้า 17% ต่อปี โดยในอีก 5 ปีข้างหน้า GPSC จะมีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 2,850 เมกะวัตต์ และในปีนี้จะขยายกำลังผลิตอีก 500 เมกะวัตต์ ปัจจุบัน GPSC มีสัญญาขายกระแสไฟฟ้าให้กับทางการ ทำให้มีกระแสเงินสด และรายรับที่แน่นอนมาก และเนื่องจากบริษัทผลิตไฟฟ้าโดยใช้พลังงานจากก๊าซเป็นหลักที่ 80% ซึ่งราคาก๊าซน่าจะอยู่ในระดับต่ำอีกนาน ทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำ ส่งผลให้อัตรากำไรดีอย่างต่อเนื่อง
ด้านผลการดำเนินงาน Bloomberg consensus คาดว่ากำไรปีนี้ GPSC จะโต 2.6% แม้จะไม่มาก แต่จะเติบโตแบบเร่งตัวขึ้นในปี 2560 ที่ระดับ 21% และในปี 2561 จะเติบโตสูงถึง 47% ทำให้ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยพื้นฐาน ทำให้ GPSC ถือเป็น Growth stock ที่น่าสนใจลงทุน ส่วนอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend yield) ปีนี้ อยู่ที่ 3.6% ซึ่งค่อนข้างดี และปี 2560 จะอยู่ที่ 4% ด้านอัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชี (P/BV ratio) อยู่ที่ 1 เท่า และอัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิ (P/E ratio) ที่ 18 เท่า แม้จะดูสูงแต่หากเทียบกับการเติบโตของกำไรแล้ว ถือว่าไม่สูงนัก
ราคาเป้าหมาย Bloomberg consensus ให้ไว้ที่ 30.13 บาท ส่วนด้าน Technical รูปแบบราคาเกิดสัญญาณซื้อในรายวัน และรายสัปดาห์ บ่งชี้ว่าหุ้นอยู่ในขาขึ้นในระยะสั้นและกลาง โดยมีแนวโน้มสูงมากว่ากำลังจะเกิดสัญญาณซื้อในรายเดือนหากปิดเหนือ 24.30 บาทในสิ้นเดือนนี้ได้ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงก็จะบ่งชี้ว่าหุ้น GPSC จะทำจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ที่ 29.25 บาท