ทั้งนี้ บริษัทวางงบลงทุนในปีนี้ 500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายสาขา จำนวน 250 ล้านบาท และที่เหลือเตรียมไว้ในการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจสปาในประเทศไทย โดยปัจจุบันก็อยู่ระหว่างการเจรจากับร้านสปาขนาดเล็ก จำนวน 2 ราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วนงบการตลาดปีนี้วางไว้ 3% ของรายได้รวม
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะขยายสาขาไปยังต่างประเทศเพิ่มเติม โดยเป็นลักษณะการขายแฟรนไชส์ ซึ่งปีนี้จะเห็นสาขาในจีนเป็นที่แรก คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายเดือนเม.ย. หรือต้นเดือนพ.ค.นี้ ขณะเดียวกันบริษัทก็มีความสนใจขยายสาขาไปยังประเทศกลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ และเวียดนาม โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มเป็น 10-15% ภายในปี 61
"ปีนี้รายได้และกำไรสุทธิก็น่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยมองแนวโน้มไตรมาส 1/59 ก็น่าจะเติบโตจากช่วงไตรมาส 4/58 และช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสาขาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เราได้เปิดสาขาเพิ่ม 1 แห่ง และเดือน ก.พ. ก็เพิ่มไปแล้วอีก 1 แห่ง รวมถึงลูกค้ายังรับรู้แบรนด์มากขึ้นอีกด้วย ประกอบกับปีนี้ก็ไม่ได้มีความกังวลในเรื่องของการเมือง ซึ่งยอดนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทย หรือคนไทยที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในช่วงวันหยุดยาว ก็น่าจะส่งผลดีต่อบริษัท คาดว่าจะมีสัดส่วนลูกค้าคนไทยในปีนี้เป็น 30% ต่างชาติ 70% จากปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าชาวต่างชาติราว 75% และลูกค้าคนไทย 25%" นายวิบูลย์ กล่าว
นายวิบูลย์ กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ให้กับนักลงทุนจำนวน 3 ครั้ง ในแถบเอเชีย เพื่อสร้างการรับรู้ในธุรกิจสปา ที่เป็นหุ้นขนาดเล็กและขนาดกลาง และหวังเพิ่มสัดส่วนการถือครองของสถาบันอีกด้วย จากปัจจุบันสถาบันถือหุ้นไม่ถึง 5%