(เพิ่มเติม) GTB เคาะราคา IPO หุ้นละ 1.15 บาท เสนอขาย 16-18 มี.ค.เข้าเทรด 23 มี.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 14, 2016 14:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เจตาแบค (GTB) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 240 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 1.15 บาท จากมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท โดยจะเปิดเสนอขายในช่วงวันที่ 16-18 มี.ค.และคาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ในวันที่ 23 มี.ค.นี้ โดยมี บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นผู้จัดการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

บริษัท เจตาแบค จำกัด(มหาชน) หรือ GTB เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องกำเนิดไอน้ำ(Steam Boiler) ระบบเผาไหม้(Combustion System) งานวิศวกรรมพลังงานความร้อน(Thermal Energy Engineering)อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และงานบริการเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดไอน้ำ

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจท์เม้นท์ จำกัด (APM) กล่าวว่า การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก(IPO)ของ GTB จำนวน 240 ล้านหุ้น ตั้งอยู่บนพื้นฐานของธุรกิจที่แข็งแกร่งและเป็นผู้นำด้านเครื่องกำเนิดไอน้ำในประเทศไทย ที่มีโอกาสเติบโตตามทุกอุตสาหกรรม และส่งจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม เมียนมาร์ กัมพูชา ลาว ปากีสถาน บังคลาเทศ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังผลิตเครื่องกำเนิดไอน้ำให้กับบริษัทผู้ผลิตเครื่องกำเนิดไอน้ำที่มีชื่อเสียงในประเทศเยอรมนี เบลเยียม และญี่ปุ่น ในแบบ OEM และเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องกำเนิดไอน้ำรวมถึงอุปกรณ์ประกอบต่างๆ จากบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีศักยภาพและความโดดเด่นในตัวผลิตภัณฑ์นั้นๆอีกด้วย โดยปัจจุบันมีลูกค้ากว่า 500 รายทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

“GTB ถือเป็นหุ้นตัวแรกของปี 59 ที่ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอไอ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นจึงต้องหารือกันเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ GTB ต้องการ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของอุตสาหกรรม และภาวะตลาดโดยรวมในขณะนี้ รวมถึงการดำเนินงานของบริษัทที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ต้องมีส่วนต่างให้นักลงทุนสามารถลงทุนไปด้วย ดังนั้น มั่นใจได้ว่าราคาที่เสนอขายเป็นราคาที่เหมาะสมกับการลงทุน"นายสมศักดิ์ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 58 บริษัทมีรายได้รวม 948.30 ล้านบาท กำไร 68.90 ล้านบาท ซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้ในประเทศ 80% และต่างประเทศ 20% โดยใน 3-5 ปีบริษัทมีแผนจะขยายสัดส่วนรายได้เป็น 70 : 30 ด้วยการขยายตลาดไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศในแถบอาเซียน(AEC) อาทิ ประเทศเมียนมาร์ ประเทศกัมพูชา สปป.ลาว ประเทศมาเลเซีย ประเทศเวียดนาม ประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงประเทศปากีสถาน และประเทศบังคลาเทศที่บริษัทได้วางแผนขยาย หลังจากขยายกำลังการผลิตให้มากขึ้น รวมถึงจะพัฒนาการให้บริการ และซ่อมบำรุง เนื่องจากในส่วนนี้มีรายได้ในระดับที่ดีและสม่ำเสมอทุกเดือน

ด้านนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio:P/E) ดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 16.43 เท่า คำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในปีที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนลด (Discount) ร้อยละ 42.40 จากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิเฉลี่ย 3 เดือนของหมวดสินค้าอุตสาหกรรมในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในวันเปิดจองซื้อ เนื่องจากเห็นถึงความต้องการของนักลงทุนในช่วงนำเสนอข้อมูลหลักทรัพย์(โรดโชว์) 10 จังหวัดทั่วประเทศ และการโรดโชว์ตามห้องค้าต่างๆ ที่เข้าใจธุรกิจของบริษัท และเห็นโอกาสการเติบโตทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต รวมถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่มุ่งมั่นพัฒนาสินค้ามากกว่า 32 ปีให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้อย่างแข็งแกร่ง ยิ่งทำให้นักลงทุนมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัท

ด้านนายสุชาติ มงคลอารีย์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GTB กล่าวว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการขยายพื้นที่การผลิตและเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานจังหวัดระยอง และโรงงานอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ รวมถึงการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม วิจัยและพัฒนาระบบเผาไหม้ และพัฒนาโปรแกรมคำนวณ การออกแบบทางวิศวกรรม รวมถึงจัดตั้งหน่วยงานวิศวกรรมออกแบบ ตลอดจนการเปิดสำนักงานขายและบริการในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ และสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯอย่างต่อเนื่องในอนาคต

“การระดมทุนจะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจของ GTB มีการขยายตัวได้ในระยะเวลาที่สั้นลง และเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากเงินที่ได้บริษัทจะนำมาขยายกำลังการผลิตโรงงานที่จ.ระยอง และบางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า โดยทุกอุตสาหกรรมเริ่มส่งสัญญาณการขยายตัวให้เห็นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาจนถึงปีนี้ ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ(Backlog) ราว 500 ล้านบาทที่ทยอยรับรู้รายได้ และยังมีคำสั่งผลิตสินค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่เข้ามาต่อเนื่อง จากความเชื่อมั่นเรื่องคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล รวมถึงการบริการระดับพรีเมียม นอกเหนือจากการพัฒนาบุคลากรด้วยศูนย์ฝึกอบรมที่จะจัดตั้งขึ้น เชื่อว่าหากบริษัทดำเนินงานได้ตามแผนจะผลักดันผลการดำเนินงานทุกๆด้านของบริษัทเติบโตอย่างชัดเจน"นายสุชาติ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ