(เพิ่มเติม) COL ตั้งเป้าปี 59 ยอดขายทั้งกลุ่มโต 10% เทงบ 350 ลบ.ขยาย"ออฟฟิศเมท"ทั้งในปท.-เวียดนาม

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 14, 2016 15:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ซีโอแอล (COL) คาดว่าในปี 59 ธุรกิจของกลุ่มบริษัทจะเติบโต 10% หรือมียอดขายประมาณ 11,900 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจออฟฟิศเมทที่คาดว่าจะเติบโตราว 15% คิดเป็นมูลค่าราว 7,500 ล้านบาท ขณะที่บริษัทได้ตั้งงบลงทุนราว 350 ล้านบาทเพื่อให้ออฟฟิศเมททำกิจกรรมด้านการตลาด รวมทั้งขยายสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเดิม เนื่องจากมีแผนเปิดสาขาในประเทศเพิ่มอีก 8 สาขาและเตรียมเปิดสาขาแรกในเวียดนาม ส่วนงบลงทุนที่เหลือจะใช้ในการพัฒนาด้านโลจิสติกส์ ส่วนการขายสินค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซในปีนี้คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องถึง 55% หรือคิดเป็นยอดขาย 1,000 ล้านบาท

นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร COL เปิดเผยว่า บริษัทตั้งงบลงทุนทั้งกลุ่มที่ 500-600 ล้านบาท แบ่งเป็น 350 ล้านบาท ให้ออฟฟิศเมทขยายสาขา อีก 200-250 ล้านบาท กันไว้สำหรับซื้อกิจการ ซึ่งบริษัทพร้อมที่จะเข้าซื้อกิจการเพื่อต่อยอดธุรกิจ มองทั้งธุรกิจออนไลน์ เทคโนโลยี ขณะนี้เจรจาอยู่ 10 ราย ที่เข้าเกณฑ์ราว 1-2 ราย ในประเทศทั้งหมด

ขณะที่ตั้งเป้ายอดขายของกลุ่มโต 10% ไปที่ 11,900 ล้านบาท จากปีก่อน 10,827 ล้านบาท ปีนี้กลุ่มออฟฟิศเมทจะเป็นกลุ่มแรกที่เข้าสู่ AEC

สำหร้บแผนการขยายตลาดในอาเซียน ตั้งเป้าใน 5 ปีจะไปเปิดสโตร์ใน 4 ประเทศ โดยประเทศแรกจะเป็นประเทศเวียดนามปีนี้คาดเปิด 2 สาขา นอกจากนี้ ยังมองหาโอกาสในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย กัมพูชา ลาว พม่า และประเทศที่เจริญ อย่างฮ่องกง สิงคโปร์ ก็อยู่ในข่ายที่มอง

ในเวียดนามจะเปิดสาขาแรกในไตรมาส 3/59 ที่โฮจิมินท์ สาขา 2 ฮานอย ภายในปีนี้ พื้นที่ 800-1,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ใช้งบลงทุน 15-20 ล้านบาทต่อสาขา โดยจะไปที่เปิดสโตร์ออฟฟิศเมท B2S แคตตาล็อก และเว็บไซด์ โดยตั้งเป้าใน 5 ปีมีสโตร์ในเวียดนาม 20-27 แห่ง เพราะเป็นประเทศแรก มองโฮจิมินท์ ฮานอย และหัวเมืองเช่น ฮาลองเบย์

"ในเวียดนามกำลังคุยกับพันมิตรผู้ร่วมทุนอยู่ ซึ่งเวียดนามมีศักยภาพตลาดใหญ่กว่าไทย GDP โตไม่ต่ำ 7% ทุกปี อนาคตยังโตอีกมาก การขยายตลาดต่างประเทศส่วนหนึ่งเป็นนโยบายของเซ็นทรัลกรุ๊ปที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศทดแทนในประเทศ"

ในปี 59 บริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิ (Net profit margin) สูงกว่าปี 58 ที่ 3.64% โดยปีนี้จะปรับโมเดลธุรกิจออนไลน์ มาร์เก็ตเพรส เนื่องจากที่ผ่านมาเราขาดทุนธุรกิจออนไลน์ ขณะที่ธุรกิจออฟฟิศเมทและ B2S มีอัตรากำไรสุทธิใกล้เคียงกันที่ 15%

"ปี 58 อัตรากำไรสุทธิต่ำกว่าปี 57 เพราะขาดทุนธุรกิจออนไลน์ขณะที่ออฟฟิศเมทและ B2S ใกล้เคียงกันที่ 15% แต่ออนไลน์เป็นปกติที่ 3-4 ปีแรกจะขาดทุนเพราะใช้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค ก็ต้อง ลด แลก แจก แถม ซึ่งการแข่งขันตลาดออนไลน์ของไทยรุนแรงติดอันดับโลกทำให้ขาดทุนพอสมควร ปีนี้จึงต้องเปลี่ยนโมเดลออนไลน์มาร์เก็ตเพรส ซึ่งก็มีพันธมิตรมาร่วมจอยกับเราเยอะ ซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาส 3/59 ขณะที่ออฟฟิศเมทกำไรยังดี ก็เชื่อว่าทั้งปีจะทำให้อัตรากำไรสุทธิปีนี้สูงกว่าปีก่อนได้"

น.ส.วิลาวรรณ ฤกษ์เกรียงไกร กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจออฟฟิศเมท กล่าวว่า ในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายของออฟฟิศเมทเติบโต 15% คิดเป็นมูลค่า 7,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายผ่านหน้าร้านสาขา 49% ผ่านคอล์เซนเตอร์ 36% และอีคอมเมิร์ซ 15% โดยตั้งงบลงทุน 350 ล้านบาท เพื่อกิจกรรมการตลาด 150 ล้านบาท การก่อสร้างสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาใหม่กว่า 100 ล้านบาท และปรับปรุงบริหารงานด้านคลังสินค้า และเว็บไซด์กว่า 100 ล้านบาท

ในปีนี้คาดหวังยอดขายออนไลน์เติบโต 55% คิดเป็น 1,000 ล้านบาท ซึ่งก็ทำให้มั่นใจเป้ายอดขายรวมในประเทศ 10,000 ล้านบาท ในปี 2563 ได้อย่างแน่นอน ด้านการขยายสาขาในประเทศปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มอีก 8 สาขา รวมเป็น 68 สาขาสิ้นปี 59 เป็นกรุงเทพและปริมณฑล 6 สาขา ภาคใต้ 1 ภาคเหนือ 1 สาขา ในย่านธุรกิจใหม่และตามหัวเมืองสำคัญ โดยเดือนก.พ.เปิดไปแล้ว 3 แห่ง ที่เทสโก้โลตัส จ.พิษณุโลก,เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสวิลล์ และบิ๊กซีหัวหมาก สำหรับช่องทางการสังซื้อผ่านคอลเซ็นเตอร์ เดือนก.พ.เปิดออฟฟิศเมทคอลเซ็นเตอร์สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ ณ หัวหมาก ทาวน์ เซ็นเตอร์ รามคำแหง 27 เป็นแห่งที่ 2 แห่งแรกที่ศรีนครินทร์ เพื่อรองรับการขยายตัวในการให้บริการ

ออฟฟิศเมทยังได้เพิ่มสินค้าไพรเวทแบรนด์อีกกว่า 3,500 รายการ ทำให้มีจำนวนรายการสินค้ามากกว่า 15,000 รายการ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ