ขณะที่กำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะเติบโตขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 253 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้บริษัทจะรับรู้กำไรสุทธิจากธุรกิจโซลาร์ฟาร์มเข้ามาเต็มปี มูลค่าประมาณ 40-50 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10-20% ของกำไรสุทธิรวม
ปัจจุบัน บริษัทฯมียอดขายรอโอนอยู่ 3,200 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 2,000 ล้านบาท ที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป ซึ่งจะเป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 3,673 ล้านบาท
ส่วนยอดขาย (Presale) ปีนี้บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 4,500 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 3,500 ล้านบาท จากการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้บริษัทฯมีแผนเปิดโครงการใหม่จำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวม 5,300 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 4 โครงการ คือ โครงการ Sena Ville ศาลายา,Sena Park Ville รามอินทรา วงแหวน เฟส 1, PCC New Residence ,Sena Town รามอินทรา วงแหวน และโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ ได้แก่ The Niche บางนา ,The Niche id พระรามสอง เฟส 2 ,The Niche Mono สุขุมวิท 50 ,The Kith Plus สุขุมวิท 113 เฟส 1 และ The Kith Lite บางกะดี เฟส 2
นางสาวอธิกา กล่าวว่า ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ (เดือน ม.ค.-ก.พ.59) บริษัทมียอด Presale แล้ว 400 ล้านบาท จากการเปิดตัว 2 โครงการใหม่ คือ Sena Ville บรมราชชนนี สาย 5 และ Sena Park Ville รามอินทรา วงแหวน มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทยังมีสินค้าพร้อมขายในมือ (สต็อก) มูลค่ากว่า 5,500 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบประมาณ 26% และโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 73% โดยในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.59 บริษัทคาดว่าจะสามารถระบายสต็อกดังกล่าวได้ประมาณ 70% หรือประมาณ 4,000 ล้านบาท
ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนรวมที่ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นใช้ซื้อที่ดินประมาณ 700-800 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นที่ดินในทำเลส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าบางส่วน และพื้นที่ที่มีการพัฒนาแล้ว เช่น ศาลายา และรามอินทรา ปัจจุบันมีที่ดินในมือรองรับการพัฒนาถึงปี 61 ส่วนอีกประมาณ 200-300 ล้านบาท ใช้เป็นเงินลงทุนในธุรกิจโซลาร์
"ปีนี้เราจะดำเนินกลยุทธ "หัวคิด หัวใจ" ที่จะมีการติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อปของโครงการบ้านเดี่ยว เพื่อเป็นการบริการลูกค้าที่สนใจเข้ามาซื้อบ้านในโครงการของเรา ซึ่งเชื่อว่าน่าจะได้รับการตอบรับที่ดี ส่วนโครงการบ้านประชารัฐ ที่ขายบ้านต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท เราก็มีความสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าว เพื่อระบายสต็อกสินค้าพร้อมขายในมือ"นางสาวอธิกา กล่าว
ด้านนายสุธรรม โอฬารกิจอนันต์ ประธานฝ่ายการเงินธุรกิจโซลาร์ SEAN กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้จากธุรกิจโซลาร์จะอยู่ราว 100 ล้านบาท จากการติดตั้งและวางระบบโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มเป็น 3.5 เมกะวัตต์ โดยในช่วง 2 เดือนแรกบริษัทติดตั้งและวางระบบโซลาร์รูฟท็อปแล้วประมาณ 200 กิโลวัตต์
บริษัทมี Backlog ธุรกิจโซลาร์เกือบ 1 เมกะวัตต์ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยส่งมอบงานภายในปีนี้ทั้งหมด และบริษัทยังอยู่ระหว่างประมูลงานติดตั้งและวางระบบโซลาร์รูฟท็อป (EPC) คาดว่าจะสรุปได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาทันที