ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์ก๊าซฯจะอิงกับราคาน้ำมันเตา ซึ่งสะท้อนราคาน้ำมันในปัจจุบันที่ชะลอการลดลงแล้ว รวมถึงการขายผลิตภัณฑ์จากโรงแยกก๊าซฯซึ่งขึ้นอยู่กับราคาปิโตรเคมีที่ในปีนี้ก็ชะลอการลดลงด้วยเช่นกัน
"ธุรกิจ up stream ยังได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันต่ำต่อเนื่อง down stream ดีขึ้น โรงกลั่นดี ธุรกิจก๊าซฯดีขึ้น ต้นทุนก๊าซฯค่อยๆขยับลง feed gas cost ลดลงตามราคาน้ำมันที่มาสะท้อนต่อราคาก๊าซฯในช่วง 6-12 เดือน ราคาก๊าซฯในไตรมาสนี้สะท้อนผลของราคาน้ำมันในช่วงกลางปีที่แล้ว ธุรกิจก๊าซฯกำไรดีขึ้นจากต้นทุนราคาก๊าซฯที่ลดลง"นายวิรัตน์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของ PTT ในไตรมาส 1/58 มียอดขาย 5.16 แสนล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2.26 หมื่นล้านบาท ขณะที่มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ระดับ 7.17 หมื่นล้านบาท
นายวิรัตน์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการที่มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศได้ทบทวนเครดิตของผู้ประกอบการธุรกิจน้ำมันทั่วโลก หลังราคาน้ำมันปรับลดลงมามาก ซึ่งรวมถึง ปตท.ด้วยนั้น โดยส่วนตัวไม่กังวลมากนัก แม้ว่าที่ผ่านมามูดี้ส์ฯ จะปรับเครดิตของบริษัทเหล่านั้นลดลงเป็นส่วนใหญ่ก็ตาม โดยเฉพาะบริษัทในสหรัฐที่ส่วนใหญ่มีการใช้เงินกู้ค่อนข้างมาก แต่ในส่วนของ ปตท.ใช้เงินกู้ค่อนข้างน้อย และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เพียง 0.3 เท่า ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับความสามารถก่อหนี้ที่ยังทำได้ถึงระดับ 1:1 เท่า บ่งบอกถงฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้แม้กำไรสุทธิในปีที่แล้วจะลดลงมาก 66% มาที่ระดับ 1.99 หมื่นล้านบาทก็ตาม แต่ก็เป็นผลจากการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์เป็นส่วนใหญ่ แต่ในส่วนเงินสดในมือยังมีมากถึง 3.28 แสนล้านบาท และมี EBITDA เพิ่มขึ้น 3% ขณะที่คาดว่ามูดี้ส์ฯจะประกาศผลการทบทวนเครดิตปตท.ในช่วงสัปดาห์นี้จากปัจจุบันที่เครดิตของปตท.อยู่ในระดับที่เท่ากับเครดิตประเทศที่ "Baa1"