บริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมแผนงานรุกตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะเมียนมาร์และลาว เนื่องจากตั้งเป้าจะผลักดันสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเพิ่มเป็น 5-10% ภายในปี 60 จากปัจจุบันอยู่ที่ 4-5% พร้อมทั้งมองโอกาสเข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับอุปกรณ์และระบบดับเพลิง
นายวิรัฐ สุขชัย กรรมการผู้จัดการ ของ FIRE เปิดเผยว่า แนวโน้มกำไรสุทธิในปีนี้จะฟื้นตัวกลับมาสูงกว่าปี 57 ที่มีกำไรสุทธิเป็นสถิติสูงสุดเดิมที่ 60.61 ล้านบาท และน่าจะสถิติสูงสุดใหม่ (New high) หลังจากปี 58 กำไรสุทธิลดลงมาอยู่ที่ 46.20 ล้านบาท จากปัจจัยกดดันในเรื่องของการปรับโครงสร้างองค์กร การจ้างบุคลากรที่เพิ่มขึ้น รวมถึงในปีก่อนมีผลกระทบเรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการนำเข้าสินค้าที่สูงขึ้น ซึ่งในปีนี้ปัจจัยเรื่องต้นทุนเกี่ยวกับโครงสร้างองค์กรได้หมดลงไปแล้ว รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่ค่อนข้างนิ่ง ทำให้ต้นทุนรวมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 59 เติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 582.95 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากจากการเติบโตของสินค้าใหม่ อย่างเช่น อุปกรณ์กล้องวงจรปิดที่สามารถจับควันไฟ ระบบดับเพลิงปิโตรเคมี และการรุกตลาดในต่างประเทศมากขึ้น โดยบริษัทมีการส่งออกสินค้าไปขายในกัมพูชา ซึ่งได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนในกัมพูชาโดยบริษัทและพันธมิตรในประเทศถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนดังกล่าว 60% และส่วนที่เหลือเป็นพันธมิตรท้องถิ่นถือ 40% นอกจากนี้ยังมีการส่งออกไปยังเมียนมาร์ ลาว เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยบริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากต่างประเทศในปีนี้เข้ามา 10-20 ล้านบาท
บริษัทตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปี 60 ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 5-10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 4-5% โดยบริษัทยังมองหาโอกาสเข้าไปตั้งบริษัทในเมียนมาร์และลาว โดยในในส่วนของการตั้งบริษัทในลาวสัปดาห์หน้าจะมีการเจรจากับพันธมิตรจากลาวที่เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งมีการสั่งซื้อสินค้าจากบริษัท ส่วนการจัดตั้งบริษัทในเมียนมาร์ได้ให้พันธมิตรท้องถิ่นไปศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน แต่ยังติดขัดในปัญหาเรื่องค่าเช่าที่ในเมียนมาร์ที่อยู่ในระดับสูง
สำหรับมูลค่างานในมือที่มีอยู่กว่า 200 ล้านบาท จะทยอยรับรู้เป็นรายได้ใน 3-6 เดือนข้างหน้ นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังได้รับงานใหม่จากลูกค้าในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเพิ่มเติม มูลค่างาน 30 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมตัวเข้าประมูลงานระบบดับเพลิงขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะมีความชัดเจนในปีนี้ โดยคาดหวังจะได้รับงานดังกล่าวทั้งหมด อย่างไรก็ตามบริษัทจะพยายามรักษาระดับ Backlog ที่ 200 ล้านบาทไว้ในทุกๆไตรมาส
นอกจากนี้บริษัทยังสนใจเข้าซื้อกิจการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับระบบดับเพลิง อย่างเช่น ธุรกิจงานวิศวกรรม ธุรกิจปั๊มน้ำดับเพลิง ซึ่งเป็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ แต่ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ โดยบริษัทมีความพร้อมในด้านเงินทุนที่จะเข้าซื้อกิจการ ซึ่งปัจจุบันบริษัทกระแสเงินสดในมือเพื่อรองรับการลงทุนอยู่ที่ 200-300 ล้านบาท