ทั้งนี้ บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ในมือราว 1 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด ขณะเดียวกันก็ยังอยู่ระหว่างเจรจากับค่ายรถยนต์เกี่ยวกับโมเดลรถยนต์ใหม่ ซึ่งบริษัทก็คาดว่าจะได้งานเพิ่มเติมด้วย
พร้อมกันนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ราว 20-30 ล้านบาท เพื่อที่จะใช้พัฒนาและปรับปรุงเครื่องมือในส่วนของงานแม่พิมพ์ ที่บริษัทเริ่มได้รับการยอมรับจากลูกค้ามากขึ้น และเชื่อว่าอนาคตจะเป็นส่วนช่วยให้กำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นด้วย
"ปีนี้เป้าหมายของเราคือผลประกอบการยังต้องออกมามีกำไรต่อ โดยปีนี้เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะสูงขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 14% หลังจากสามารถบริหารจัดการเรื่องต้นทุนได้ดีขึ้น แต่รายได้ที่เข้ามาไม่มากนัก กับต้นทุนคงที่ที่บริษัทมีอยู่จึงส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิยังมีแนวโน้มที่ลดลง"นายจุมพล กล่าว
นายจุมพล กล่าวอีกว่า สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้ค่อนข้างประเมินได้ยากว่าจะกลับมาฟื้นเมื่อใด ซึ่งก็ต้องติดตามแผนงานของค่ายรถยนต์ต่างๆ แต่หากติดตามการประกาศของค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง TOYOTA ก็คาดการณ์ว่ายอดขายจะลดลงถึง 20% แต่ในส่วนของ FORD ยังคาดการณ์ว่าจะเติบโต ซึ่งทาง FROD มองว่ายอดขายต่างประเทศจะยังดีอยู่
ขณะเดียวกันบริษัทก็ไม่ได้ปิดกั้นเรื่องของการเข้าซื้อกิจการ หรือการร่วมลงทุน เพื่อที่จะแตกไลน์ธุรกิจ แต่ปัจจุบันยังไม่ได้มีดีลอะไรเข้ามา ซึ่งบริษัทก็ยังมุ่งเน้นปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตด้านต่างๆเพื่อที่จะรองรับเมื่ออุตสาหกรรมยานยนต์กลับมาเติบโตอีกครั้ง ซึ่งหากว่าอุตสาหกรรมยานยนต์กลับมาขยายตัวอีกครั้งบริษัทก็พร้อมที่จะขยายตัวได้ดีตามไปด้วย
อนึ่ง วันนี้นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ออกมาระบุว่า ส.อ.ท.อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์ของไทย โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลางและอเมริกาใต้ หรือละตินอเมริกาที่ยังมีปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้การส่งออกรถยนต์ในปีนี้อาจทำได้ใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ 1.204 ล้านคัน ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 1.22 ล้านคัน ซึ่งจะทำให้ยอดการผลิตรถยนต์ทั้งปีนี้ไม่ถึงเป้าหมายที่ 2 ล้านคันด้วย