นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่นอกเหนือจากกลุ่มเครื่องดื่ม เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าจะชัดเจนในอีก 2 เดือนต่อจากนี้ ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับรายได้จากธุรกิจการจำหน่ายสินค้าโดยตรงถึงผู้บริโภค (Business to Consumer:B2C)
ทั้งนี้ ในระยะยาวบริษัทคาดหวังสัดส่วนรายได้จาก B2C จะเพิ่มเป็น 50% จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่เพียง 15-20% เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงจากที่ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจที่มีการร่วมพัฒนา (Business to Business:B2B) ราว 80-85% โดยเฉพาะการตั้งตู้กดเครื่องดื่มในร้าน 7-11 ที่ยังถือว่ามีความเข้มแข็งและมีความสัมพันธ์ที่ดี
ในปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เติบโต 15% มาจากยอดขายในประเทศที่บริษัทรุกเข้าสู่สินค้าใหม่ คือ เครื่องกดเครื่องดื่มร้อนอัตโนมัติ ตั้งเป้าติดตั้งให้ครบ 1,500 เครื่องในปี 60 จากปีนี้คาดว่าติดตั้งได้ 740 เครื่อง ใช้งบลงทุนรวมประมาณ 60 ล้านบาท และปี 60 อีก 750 เครื่อง ในขณะที่ยอดขายจากเครื่องดื่มโถกดแบบเย็นในร้าน 7-11 เติบโตปีละ 8-10% ตามการเปิดสาขาของร้าน 7-11 ในประเทศไทย โดยเฉพาะเครื่องดื่มลาเต้ทำยอดขายต่อวันดีขึ้นมาก
ขณะที่อัตรากำไรสุทธิก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนอยูที่ระดับ 6.75% เนื่องจากบริษัทฯจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 12% จากปีก่อนอยู่ที่ 8% ซึ่งการขายสินค้าไปต่างประเทศมีมาร์จิ้นที่สูงกว่า และการแข่งขันก็น้ายกว่าด้วย
"ปีนี้เรายังคงมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเราประเมินจากการเติบโตที่ทำได้แน่ๆ ในส่วนของผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือสินค้าใหม่ๆที่จะออกมาตอนนี้เรานับเป็น 0 ก่อน ในส่วนของอัตรากำไรสุทธิเองก็คงมีการเติบโตตามรายได้ และบริษัทฯก็บุกตลาดต่างประเทศมากขึ้นทั้งในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และประเทศอื่นๆนอก AEC ซึ่งการขายสินค้าไปต่างประเทศนั้นมีมาร์จิ้นสูงกว่าการขายในประเทศ"นายชัชชวี กล่าว
พร้อมกันนั้น นายชัชชวี ยังยืนยันว่าปัจจุบันยังไม่ได้มีการเจรจากับ บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL) ให้เข้ามาถือหุ้น TACC หลังจากเป็นคู่ค้ากัน และเชื่อว่าโอกาสเป็นไปได้น้อย เนื่องจาก CPALL ประกอบธุรกิจหลักด้านค้าปลีกไม่ใช่การผลิตสินค้า
"ไม่มีแน่นอนที่ CPALL จะเข้ามาถือหุ้นเรา เพราะยังไม่มีการคุย และยังไม่ได้มีแนวคิดดังกล่าว อีกอย่างนึงคือ CPALL ประกอบธุรกิจด้านรีเทล คงจไม่มาในธุรกิจอุปโภคบริโภคอย่างเรา ซึ่งปัจจุบันเองสินค้าส่วนใหญ่ที่เป็น own brand ก็เป็นของเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่เป็นผู้ผลิตให้"นายชัชชวี กล่าว