นายขวัญชัย ณัฎฐ์เศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.สาลี่ คัลเล่อร์ (COLOR) กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นคู่ค้าในออสเตรเลียผลิตสินค้าใหม่เบื้องต้นเพื่อป้อนให้กับตลาดออสเตรเลียโดยเฉพาะ โดยบริษัทจะเป็นผู้สนับสนุนในส่วนของวัตถุดิบ ขณะที่พันธมิตรเป็นผู้นำไปผลิตในรูปแบบเฉพาะ และในอนาคตก็มีโอกาสพัฒนาสินค้าเพื่อส่งออกไปขายในตลาดกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มยอดจำหน่ายรวมของบริษัท
อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในต่างประเทศเพื่อต่อยอดและพัฒนาธุรกิจให้มีความหลากหลายและสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเปิดโอกาสที่จะหาพันธมิตรที่จะมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเพื่อเข้ามาร่วมกันพัฒนา โดยเบื้องต้นอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบของการดำเนินธุรกิจร่วมกัน
นายขวัญชัย กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 20 ล้านบาท โดยมาจากกระแสเงินสดของบริษัท เพื่อใช้พัฒนาและปรับปรุงเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีความพร้อมที่จะผลิตได้อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน บริษัทมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 60% และจะพยายามใช้เพิ่มให้เป็น 70% ด้วยการทำให้บริษัทสามารถเดินเครื่องจักรได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปี 59 จะอยู่ที่ระดับ 18-20% จากปีก่อนที่ 19.16% ประกอบกับราคาน้ำมันที่ลดลงส่งผลให้บริษัทใช้เงินทุนในการบริหารลดลงด้วย
“ส่วนการขยายกำลังการผลิตจริงๆบริษัทเราตั้งเป้าไว้ว่าจะเพิ่มเป็น 60,000 ตันต่อปี จากตอนนี้ที่มีกำลังการผลิตรวมอยู่ทั้งหมด 40,000-45,000 ตันต่อปี แต่ก็ขอดุสถานการณ์ต่างๆก่อน ในเรื่องของยอดออเดอร์ ภาวะเศรษฐกิจ และการใช้กำลังการผลิตของเรา ซึ่งหากการใช้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 75% ก็ต้องเริ่มคิดจะลงทุนขยายกำลังการผลิตเป็น 60,000 ตัน/ปีได้แล้ว เราต้องเตรียมตัวก่อน เพราะต้องใช้เวลาเป็นปีในการสั่งซื้อเครื่องจักร"นายขวัญชัย กล่าว
บริษัทจะพยายามรักษาส่วนแบ่งตลาดในประเทศที่ปัจจุบันระหว่าง 20-25% พร้อมทั้งขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในอาเซียน ออสเตรเลีย และยุโรป โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปีนี้ที่ 20% จากปีก่อน 17%
ส่วนรายได้ปีนี้คาดว่าจะคงเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดว่าจะโต 7-8% จากปี 58 ที่มีรายได้อยู่ที่ 869.44 ล้านบาท จากกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่เดินหน้ารับงานประมูลอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ โดยจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/59 เป็นต้นไป
นายขวัญชัย กล่าวถึงการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (COLOR-W1) จำนวนรวมทั้งสิ้น 48,416,270 หน่วยที่จัดสรรแก่ผู้ถือหุ้นเดิมกำหนดใช้สิทธิครั้งที่ 8 ในวันที่ 31 มี.ค.59 นั้น ขณะนี้ราคาหุ้นของบริษัทอยู่ที่ระดับเฉลี่ยที่ 1 บาท ขณะที่ราคาแปลงสิทธิอยู่ที่ 3.0993 บาท โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยต่อจะได้หุ้นใหม่จำนวน 1.2906หุ้น โดยราคาแปลงสิทธิดังกล่าวสูงกว่าราคาหุ้นระดับปัจจุบัน ทำให้คาดการณ์ว่าจะไม่มีใครใช้สิทธิ ซึ่งยอมรับว่าถือเป็นการผิดพลาดของการตัดสินใจ ทำให้บริษัทมีความมุ่งมั่นว่าจะเร่งรัดการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตเพื่อให้มีราคาที่เหมาะสม
“ก็ประเมินว่าหากไม่มีใครทำ exercise วอแรนท์ชุดนี้ ก็ไม่กระทบอะไรกับการดำเนินงานของบริษัท เพราะเรายังไม่มีความจำเป็นที่จะใช้เงินลงทุนจำนวนมาก เพื่อนำมาลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งเราก็ยอมรับว่าตรงนี้เป็นความผิดพลาดในการตัดสินใจของเราในตอนนั้น แต่เรื่องเงินทุนเราก็ยังมีความสามารถในการกู้ยืมกับธนาคารอยู่สูง เรามี D/E อยู่ที่ 0.5 เท่า และหนี้สินของเราก็มีไม่มาก ตอนนี้มีอยู่ที่ 100 ล้านบาทเท่านั้น และเงินสดในมือขอเราก็มีพอ"นายขวัญชัย กล่าว