นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็กโซติค ฟู้ด (XO) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ากำไรปีนี้จะดีกว่าระดับ 85.84 ล้านบาทในปีก่อน จากเป้าหมายรายได้ในปีนี้ที่จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อนที่มีรายได้จากการขายสินค้า 740.11 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตตามคำสั่งซื้อที่กลับเข้ามามากขึ้น ซึ่งในปีที่ผ่านมารายได้เติบโตไม่ได้ตามเป้าหมายเพราะบริษัทได้ปรับจากสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าที่เป็นสกุลเงินยูโรมาเป็นสกุลเงินบาทและดอลลาร์มากขึ้น ทำให้ลูกค้าเข้าใจว่าบริษัทปรับขึ้นราคาขาย แต่แท้จริงแล้วบริษัทไม่ได้ปรับขึ้นราคา ดังนั้น หลังจากลูกค้ามีความเข้าใจแล้วยอดขายก็ได้กลับมาทำให้มั่นใจว่ารายได้จะกลับมาเติบโตได้ในปีนี้
นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 3/59 โรงงานแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง จะสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้ ทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น และสามารถขยายตลาดได้มากขึ้น จากในช่วงที่ผ่านมายังไม่สามารถขยายตลาดได้มากนักเนื่องจากกำลังการผลิตไม่เพียงพอ
"ในปีที่ผ่านมาเราได้ปรับการรับชำระเงินจากลูกค้าจากสกุลเงินยูโร มาเป็นสกุลเงินบาท และดอลลาร์ ซึ่งทำให้บริษัทไม่ต้องกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนไว้ล่วงหน้า และลดคความเสี่ยงในเรื่องขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ ซึ่งในปีนี้เองคำสั่งซื้อก็เริ่มกลับเข้ามาแล้วหลังลูกค้ามีความเข้าใจการรับชะระค้าสินค้าเป็นสกุลเงินบาท และดอลลาร์ และในปีนี้เราก็จะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามา ทำให้เรามั่นใจว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนรายได้หลักคือสินค้าประเภทซอสที่ขายดีที่สุด ในปีที่ผ่านมามียอดขายอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วน 67% ของยอดขายทั้งหมด"นายจิตติพร กล่าว
นายจิตติพร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/59 คาดว่าจะมีรายได้เติบโตกว่า 20-25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากคำสั่งซื้อสินค้าที่เข้ามาตั้งแต่ต้นปีและที่ส่งออกไปแล้ว ซึ่งเติบโตเกินกว่าเป้าหมาย ถือว่าเป็นทิศทางที่ดีของการดำเนินธุรกิจในปีนี้
ขณะที่บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) จำนวน 2 ดีล โดยดีลแรกคาดว่าจะได้ข้อสรุปก่อน เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร และส่งออกไปต่างประเทศ รวมทั้งเป็นสินค้าชนิดเดียวกับที่บริษัทขายอยู่ในปัจุบัน แต่ไม่ได้ผลิตเอง โดยในปีที่ผ่านมารายได้ของบริษัทดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท การร่วมมือกันในครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ทั้งบริษัทและตัวบริษัทดังกล่าวเองได้เป็นอย่างดี ซึ่งการเจรจามีความคืบหน้าพอสมควรแล้ว และหากดีลดังกล่าวเรียบร้อย มั่นใจว่าจะสนับสนุนให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต
ส่วนดีลที่ 2 เป็นธุรกิจที่ขายผลิตภัณฑ์คล้ายๆ กับบริษัทแต่เป็นแบรนด์เก่าที่เป็นที่รู้จัก ซึ่งบริษัทมีความสนใจจะซื้อสูตรและแบรนด์สินค้ามาผลิตเองเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ และยังสามารถนำยี่ห้อดังกล่าวรุกตลาดในประเทศไทยเพิ่มเติมได้อีกด้วย จากปัจจุบันยอดขายราว 99% เป็นการส่งออกทั้งหมด