JAS บวก 2.23% โบรกฯเชียร์"เก็งกำไร"ตีประเด็นวิเคราะห์เชื่อวางหลักประกัน-เล็งมีพันธมิตร

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 21, 2016 10:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น JAS ราคาวิ่งขึ้น 2.23% มาอยู่ที่ 3.66 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท มูลค่าซื้อขาย 535.20 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.13 น. โดยเปิดตลาดที่ 3.64 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 3.70 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 3.62 บาท

บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ให้ราคาเป้าหมาย 4.46 บาท เชื่อว่าวันนี้ (21 มี.ค.) JAS จะมาวางหลักประกัน และน่าจะมีการประกาศพันธมิตรที่น่าจะสร้างความเชื่อมั่น ซึ่งอาจจะเป็น Positive ต่อ JAS ได้ และน่าจะเป็น Sentiment ลบต่อหุ้นกลุ่มสื่อสารอื่น ๆ โดยรวม

ทั้งนี้ ได้ทำการวิเคราะห์จาก คำพูด พฤติกรรม อุปนิสัย รวมถึงการเคลื่อนไหวของโครงสร้างบริษัท และได้ Puzzle ออกมาดังนี้

Puzzle 1 : การออกมาซื้อหุ้นคืนของบริษัทในช่วงก่อนหน้าเส้นตายพียงแค่ไม่กี่อาทิตย์ รวมถึงสัดส่วนการซื้อหุ้นคืนที่สูงถึง 20% เราวิเคราะห์ว่าน่าจะเป็นการเตรียมตัวเพื่อที่จะขายหุ้น PP และยังทำให้ Control Dilution ของนายพิชญ์ โพธารามิก ผู้ถือหุ้นใหญ่ ไม่ลดต่ำลงมาก แม้จะมีหลายฝ่ายแย้งว่าเป็นการปิดทาง PP เนื่องจาก บริษัทจะไม่สามารถออกหุ้นเพิ่มทุนได้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือนก็ตาม แต่การทำ Capital structure ก็ยังมีหลายรูปแบบ เช่น Convertible Bond คือ อาจจะเป็นการกู้ยืมเงินระยะสั้นจากพันธมิตรก่อน แล้วค่อยแปลงเงินกู้นั้นเป็นส่วนทุนในภายหลัง เป็นต้น ซึ่งอาจจะมีรูปแบบอื่นที่ซับซ้อนมากกว่านี้ก็เป็นได้ ด้วยฝีมือระดับมืออาชีพผู้เชี่ยวชาญในการปรับโครงสร้างธุรกิจอย่างเช่น “BROOK" ภายใต้การบริหารของนายชาญ บูลกุล

Puzzle 2 : การออกมาพูดของนายชาญ บูลกุล ที่ได้ชื่อว่าเป็น “เซียนหุ้นระดับเก๋า"ในตำนาน ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า “การซื้อหุ้นคืนแค่ มันนี่เกม ตามแผนแจสก็จะลดทุน เมื่อทุนลดลง กำไรต่อหุ้นของบริษัทก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งถ้าซื้อคืนและลดทุนลง 20% ก็จะทำให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นทันที 20% ส่วนพี/อีหุ้นก็จะลดลงไป ซึ่งก็จะทำให้ราคาหุ้นดีขึ้นด้วย ถือว่าได้ประโยชน์ทุกฝ่าย" ซึ่งเราไม่เชื่อว่าบริษัทจะทำเพียงเพื่อหวังประโยชน์เท่านี้ เพราะถ้าหวังประโยชน์เท่านี้จะทำหลังจากวันที่ 21 มี.ค. นี้ ก็ย่อมทำได้ ซึ่งน่าจะเป็น Sentiment ที่ดีกว่าถ้าบริษัทไม่คิดจะวาง Bank Guarantee เพราะตลาดต่างให้มุมมองเชิงบวกถ้าบริษัทไม่เข้ามาสู่ธุรกิจ Mobile หรือจะเป็น Poker face ที่ทำให้เราสับสนในไพ่ที่อยู่ในมือของ “เซียนหุ้นระดับเก๋า"

Puzzle 3 : การออกมาให้สัมภาษณ์ของ เลขาธิการ กสทช กล่าวว่า “ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด จะนำเงินมาชำระค่าประมูลใบอนุญาตคลื่น 900 MHz งวดแรกพร้อมหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงินเมื่อใด เนื่องจาก แจส โมบายฯ ขอให้เป็นความลับของบริษัท" ด้วยคำพูดดังกล่าวนั้นวิเคราะห์ได้ว่า ทาง กสทช. ได้รับการติดต่อจาก JAS ในการจะนำหลักประกันมาวางแล้วแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งถ้า JAS ไม่สามารถนำหลักประกันมาวางได้ ลักษณะคำพูดที่ออกมาควรจะเป็นลักษณะ “ยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางบริษัทว่าจะวางหลักประกันได้เมื่อใด" ด้วยบริบทแล้วนั้นทาง กสทช น่าจะทราบถึงเวลาที่บริษัทจะมาวางหลักประกัน นอกจากนี้ที่ผ่านมาท่าทีของ เลขาธิการ กสทช มีความมั่นใจในการที่ JAS จะมาวางหลักประกัน ดังนั้นด้วยลักษณะคำพูดดังกล่าวทำให้เราเชื่อว่า JAS คงมาวางหลักประกัน

Puzzle 4 : หลวงพี่แจ๊ส 4G เราวิเคราะห์ว่านี้ไม่ใช่ความบังเอิญอย่างแน่นอน เพราะ 1) บริษัทที่ร่วมผลิตคือ Mono film บริษัทในเครือของ Mono ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับ JAS ด้วยจำของเดียวกัน 2) การที่เปลี่ยนชื่อหนังจากเดิมคือ “หลวงพี่เท่ง" ซึ่งก็เป็นหนังที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จจนมาถึง ภาคที่ 4 แต่กลับใช้ชื่อ“แจ๊ส"และ 4G ซึ่งพ้องและคล้องจองกับธุรกิจที่บริษัทกำลังจะทำ เราจึงวิเคราะห์ว่าน่าจะเป็นการทำ Marketing อย่างหนึ่งที่สร้างผลกำไรให้กับบริษัทในเครือด้วย เป็นกลยุทธ์ที่แยบคายในการทำการตลาด

Puzzle 5 : ลักษณะของผู้บริหาร เราวิเคราะห์จากลักษณะผู้บริหาร และอุปนิสัยนายพิชญ์ไม่น่าจะยอมแพ้อะไรง่ายๆ จากประวัติการศึกษา รวมถึงการสร้างบริษัทใหม่ด้วยตัวเองขึ้นมาเองอย่างเช่น MONO ลักษณะนิสัยที่มุ่งมั่น จริงจัง และมีความเชื่อมั่นในตัวเองที่ค่อนข้างสูง เราจึงไม่เชื่อว่าการออกมาซื้อหุ้นคืนนั้นจะเป็นการ "ปิดประตูตัวเอง" หรือ “การยกธงขาว" อย่างแน่นอน เราเชื่อไม่มีการกระทำใดจะไร้ซึ่งเหตุผลสำหรับ “พิชญ์ โพธารามิก"

Puzzle 6 : จากข้อมูลการกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิขย์ บริษัทแจส โมบาย บรอดแบนด์ ได้มีการเปลี่ยนแปลงของทุนจดทะเบียน โดยเมื่อวันที่ 27 ส.ค. 58 มีทุนจดทะเบียน 350 ล้านบาท , วันที่ 6 ม.ค. 59 มีทุนจดทะเบียน 5,000 ล้านบาท และล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 59 เพิ่มทุนจดทะเบียนถึง 20,000 ล้านบาท เราเชื่อว่าทุนจดทะเบียนที่สูงขึ้นนั้นน่าจะเพื่อรองรับเงินทุนที่จะกำลังเข้ามาอย่างแน่นอน

Puzzle 7 : เงินทุนจาก Partner นั้นคงวิเคราะห์ได้ยากว่าเป็นกลุ่มไหน หรือใครอย่างไร แต่เราเชื่ออย่างหนึ่งว่า ทุนที่เข้ามานี้ไม่น่าจะธรรมดาและมีความรู้ความชำนาญในธุรกิจ Mobile ไม่น้อย เพราะถือว่า JAS เป็นมือใหม่ในตลาดนี้ ดังนั้นเงินทุนที่เข้ามานั้นจะต้องมีความแข็งแรงด้านธุรกิจเป็นอย่างดี มิเช่นนั้นแล้วเงินทุนนั้นคงสูญเปล่า

Puzzle 8 : ธนาคารกรุงเทพเอง เรามองว่ายังคงเป็นหนึ่งในไม่กี่รายที่จะยังสนับสนุน JAS อยู่ เพราะธนาคารเองก็ไม่ได้มีการปฏิเสธความเป็นไปไม่ได้ของ JAS ที่จะทำธุรกิจ Mobile เพียงแต่พูดในทำนองให้แก้ไขแผนธุรกิจเพื่อนำมาเสนอใหม่เท่านั้น รวมถึงการยังไม่มีการออกมาให้ข่าวเพิ่มเติมในช่วงที่ผ่านมา

Puzzle 9 : ธุรกิจ Mobile 15 ปีนับจากนี้คงยากที่จะคาดเดาว่ามือถือและธุรกิจมือถือจะเปลี่ยนไปในรูปแบบใด ถ้าเรามองย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีที่แล้วมือถือเป็นเพียงอุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสารผ่านเสียง แต่ก็ค่อยๆพัฒนาจนกลายเป็น วิทยุ กล้อง ทีวี และอื่นๆอีกมากมายในปัจจุบัน ซึ่งจากนี้ไปอีก 15 ปีคงไม่มีใครจิตนาการได้ว่ามือถือจะมีบทบาทในชีวิตของคนและการสื่อสารได้มากขนาดไหน แต่ที่แน่นอนตอนนี้กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในการดำรงชีพไปแล้ว และในอนาคตอันใกล้นี้มือถือกำลังจะกลายเป็น กระเป๋าเงิน (E-Wallet) และคงเป็นจุดเปลี่ยนในกับธุรกิจมือถือไม่มากก็น้อย JAS เองก็คงรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้เป็นอย่างดี และถ้าคิดที่จะเข้ามากใน ธุรกิจนี้แล้ว คงต้องมองให้ไกล และให้ลึกมากกว่าแค่เป็น Mobile Operator สำหรับอนาคตที่กำลังจะเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจไป “Fintech" “E-payment" “Bitcoin" “Blockchain" “Traffic" “M2M" “Big Data" “Network"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ