นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เด็มโก้ (DEMCO) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 5,207 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 60 ขณะที่คาดว่าปีนี้จะพลิกมีกำไรสุทธิจากที่ขาดทุนสุทธิ 509.85 ล้านบาทในปีก่อน หลังการแก้ไขฐานเสากังหันลมของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมห้วยบง ที่บริษัทเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างนั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนต.ค.59 โดยขณะนี้มีความคืบหน้าแล้วราว 40% ขณะที่ในปีที่ผ่านมาบริษัทบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษสำหรับการแก้ปัญหาฐานเสาห้วยบงดังกล่าวสูงถึง 863 ล้านบาท
โดยแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกยังคงได้รับแรงกดดันจากการปรับปรุงเสากังหัน เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายจากค่าเสียโอกาสในการผลิตไฟฟ้าระหว่างการก่อสร้าง แต่ก็คาดว่าจะน่ากลับมามีกำไรได้ในช่วงไตรมาส 4/59 สำหรับงานในมือที่มีอยู่ราว 8,000 ล้านบาทนั้น แบ่งเป็น งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าให้กับพลังงานทดแทน 3,400 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ทั้งหมด, งานวิศวกรรมไฟฟ้า 4,500 ล้านบาท คาดจะรับรู้รายได้ปีนี้ไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือรับรู้รายได้ในปี 60
นอกจากนี้ยังจะเข้าประมูลงานของสายส่งและสถานีไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ราว 1 หมื่นล้านบาท ,ประมูลงานสายส่งไฟฟ้าใต้ดินของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มูลค่า 4.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยประมูลตั่งแต่ช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป และคาดว่าจะได้รับงานประมาณ 10% หรือประมาณปีละ 500 ล้านบาท รวมถึงจะประมูลงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) อีก 7 พันล้านบาท คาดหวังได้งาน 20-25%
ส่วนการลงทุนโครงการพัฒนาระบบน้ำประปาในลาว คาดว่าจะสามารถจ่ายน้ำได้ประมาณไตรมาส 2 ถึงต้นไตรมาส 3 ปี 59 และลาวเตรียมพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำสูญเสีย และระบบไฟฟ้าใต้ดิน ในช่วงครึ่งหลังของปี 59 ด้วยเช่นกัน สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เขาค้อจะเริ่มขายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาส 3/59 และภายในปี 60 คาดว่าจะได้รับเงินปันผลประมาณ 40 ล้านบาท
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า การปรับปรุงฐานเสากังหันลมโครงการห้วยบงนั้น นอกจากจะเป็นความรับผิดชอบของบริษัทในฐานะผู้รับเหมาก่อสร้างแล้ว ยังจะเป็นการสนับสนุนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯของบริษัท วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้งส์ จำกัด (WEH) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการด้วย ขณะเดียวกันบริษัทยังคงถือหุ้นใน WEH จำนวน 4.2 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นประมาณ 4% ของทุนชำระแล้วก็เป็นมูลค่าสินทรัพย์ที่รอการประเมินราคาใหม่เมื่อ WEH จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทอาจจะขายหุ้น WEH บางส่วนหากต้องมีการใช้เงินลงทุน
อย่างไรก็ตามคาดว่าการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ WEH น่าจะดำเนินการได้อย่างเร็วที่สุด เพราะ WEH จะได้นำเงินระดมทุนไปรองรับโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 5 โครงการเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังการผลิตรวม 90 เมกะวัตต์ ซึ่งโครงการดังกล่าวมีกำหนดจะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในช่วงปี 60-61 ขณะที่ยืนยันว่าโครงการเขาค้อ วะตะแบก และหาดกังหัน ของ WEH จะไม่มีปัญหา เพราะนอกจากจะใช้ผู้ออกแบบรายใหม่ รวมถึงได้รับความเห็นชอบจากวิศวกรที่ปรึกษาของผู้ว่าจ้างแล้วยังมีประกันภัยงานออกแบบอีกโครงการละมากกว่า 5 ล้านยูโร ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถนำพาธุรกิจให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ด้วยดี และสร้างผลตอบแทนที่ยังยืนให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต ภายใต้หลักธรรมาภิบาล ซึ่งบริษัทยึดมั่นมาโดยตลอด