นายเติมชัย บุนนาค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) กล่าวว่า บริษัทมีความมั่นใจว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องจาก 1.9 พันล้านบาทในปีก่อน โดยได้รับรู้เงินปันผลจากผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 58 ของบริษัท ราชบุรี เพาเวอร์ จำกัด (RPCL) ที่ GPSC ถือหุ้น 15% ซึ่งจะมีส่วนสำคัญให้ผลการดำเนินงานของ GPSC ยังคงมีอัตราการเติบโต รวมถึงยังจะรับรู้รายได้จากโครงการไออาร์พีซี คลีนพาวเวอร์ (IRPC-CP) เฟส 1 เต็มปีในปีนี้ และโรงไฟฟ้านวนครที่จะเริ่มผลิตไฟฟ้าและไอน้ำในกลางปีนี้ด้วย
“ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกเราจะรับรู้รายได้จากทั้งโครงการไออาร์พีซี คลีนพาวเวอร์ เฟส 1 เต็มที่ รวมถึงรายได้จากการขายไฟฟ้าและไอน้ำเข้าระบบให้กับลูกค้าในกลุ่มปตท. อีกด้วย นอกจากนี้ ยังจะรับรู้รายได้เพิ่มจากโครงการโรงไฟฟ้านวนคร ที่คาดว่าจะสามารถขายไฟฟ้าและไอน้ำในเชิงพาณิชย์ประมาณเดือน มิ.ย.59 ด้วย ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิต 125 เมกะวัตต์ โดยบริษัทเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 30 อีกทั้งยังจะได้รับปันผลจากผลประกอบการของ RPCL ในครึ่งแรกของปี 59 และคาดว่าจะรับรู้อีกครั้งในไตรมาส 3 ตามแผน ทำให้บริษัทมั่นใจว่ากำไรสุทธิปี 59 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน"นายเติมชัย กล่าว
นายเติมชัย กล่าวว่า นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุนสถาบันทั้งภายในและต่างประเทศตลอดปี 2559 รวมไม่น้อยกว่า 10 ครั้ง โดยเฉพาะในช่วง มี.ค.-เม.ย. นี้ เพื่อชี้แจงถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทในโครงการต่างๆ ในการทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น ซึ่งจากการโรดโชว์ในไทยที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนทั้งจากสถาบันการเงินและกองทุน
ทั้งนี้ บริษัทยังมองหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศที่บริษัทมองเห็นว่าอนาคตจะมีอัตราการเติบโตของธุรกิจไฟฟ้าอย่างมาก โดยเฉพาะการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งบริษัทมีหลายโครงการที่จะดำเนินการสำคัญๆ อาทิ เมื่อเร็วๆ นี้ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจเบื้องต้น (MOU) กับรัฐบาลเมียนมาร์ ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงรอดำเนินการในขั้นตอนต่อไป โดยแบ่งเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาด กำลังการผลิตประมาณ 2,000 เมกะวัตต์ จำนวน 1 โครงการ และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ จำนวน 2 โครงการ โดยมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 500 เมกะวัตต์ จำนวน 1 โครงการ และกำลังการผลิตรวมประมาณ 400 เมกะวัตต์ จำนวน 1 โครงการ โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ มีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการก่อน นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างมองหาโอกาสการลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย อีกด้วย
สำหรับงบลงทุนในระยะ 5 ปี (ปี 58-62) มูลค่ารวม 1.8 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็น เงินจากการระดมทุนขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) 1 หมื่นล้านบาท และจากเงินกู้สถาบันการเงินอีก 8 พันล้านบาท ที่บริษัทฯ ได้ขอวงเงินกู้ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าครบ 2,800 เมกะวัตต์ภายในปี 63 โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 1,917 เมกะวัตต์ และจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว 1,338 เมกะวัตต์