นายประเสริฐ ตรีวีรานุวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทาคูนิ กรุ๊ป (TAKUNI) กล่าวว่า บริษัทวางกลยุทธทางธุรกิจในปีนี้เน้นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ด้วยการรุกงานธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง (EPC) ด้าน oil & gas และงานบริการทางด้านวิศวกรรม วางแผนสร้างฐานธุรกิจแห่งใหม่ใน จ.ระยอง โดยมองโอกาสของงานก่อสร้างใหม่และงานซ่อมแซมปรับปรุงยังมีอีกมาก แม้ในช่วงที่ธุรกิจพลังงานเป็นขาลง อีกทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจเพื่อทดแทนธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในช่วงอ่อนแอจากภาวะการแข่งขันและราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งยอมรับว่าฉุดผลกำไรปีนี้ให้ลดลงจากปีก่อนด้วย
"ปีนี้เราจะสร้างความแข็งแรงให้กับบริษัท การเพิ่มทุนครั้งที่ผ่านมาจะทำให้เราแข็งแรงขึ้นมีทุนเยอะขึ้นสามารถไปทำงานที่ไหนก็ได้ ปีนี้จะไปบุกสะบั้นหั่นแหลกก็ไม่ใช่ที่ แต่จะเป็นการทำให้กลุ่ม TAKUNI แข็งแรงขึ้นทั้งซี เอ แซด และราชพฤกษ์ เรากำลังมองระยองเป็นเหมือนสาขา 2"นายประเสริฐ ให้สัมภาษณ์กับ"อินโฟเควสท์"
นายประเสริฐ กล่าวว่า บริษัทเตรียมหาพื้นที่ขนาดกว่า 100 ไร่ใน จ.ระยอง เพื่อใช้เป็นสาขาแห่งที่ 2 ของกลุ่ม TAKUNI รองรับขยายงาน เนื่องจากมองว่า จ.ระยอง ยังมีงานรองรับอีกมากทั้งในส่วนของการขยายงานและงานซ่อมบำรุงต่างๆ ซึ่งจะเป็นโอกาสของกลุ่มบริษัทในการเข้าไปรับงาน ได้แก่ บริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการรับเหมาก่อสร้าง ประเภท Oil & Gas และบริษัท ราชพฤกษ์วิศวกรรม จำกัด (RE) ซึ่งทำธุรกิจบริการทดสอบและตรวจสอบด้านความปลอดภัยทางวิศวกรรม
ขณะเดียวกันบริษัทยังศึกษาการพิ่มสัดส่วนถือหุ้นในบริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จากปัจจุบันที่ถืออยู่ 47.72% หลังจากที่บริษัทมีฐานทุนเพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถนำมาจัดทำเป็นงบการเงินรวมของบริษัทได้ จากปีที่แล้วจะรับรู้เฉพาะส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนเท่านั้น โดยในปีที่แล้วซี เอ แซด สร้างกำไรให้บริษัทได้กว่า 10 ล้านบาท และยังช่วยต่อยอดงานของบริษัท ราชพฤกษ์วิศวกรรม จำกัด ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 99.99% ซึ่งให้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) ในระดับที่ดี
นายประเสริฐ กล่าวว่า การขยายงานด้านก่อสร้างและวิศวกรรมระบบก๊าซเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจได้ดี เห็นได้จากในปีที่ผ่านมาธุรกิจก๊าซ LPG ไม่ดี ก็ได้กำไรในส่วนของงานก่อสร้างและวิศวกรรมเข้ามาช่วยหนุน ทำให้กำไรสุทธิของบริษัทในปี 58 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า
แต่สำหรับในปีนี้คาดว่ากำไรอาจลดลง โดยธุรกิจ LPG จะพยายามรักษารายได้ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ทำได้ราว 1 พันล้านบาท แม้จะเผชิญกับปัญหาการแข่งขันที่สูงและได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับต่ำก็ตาม โดยสัดส่วนรายได้จาก LPG ยังเป็นรายได้หลัก ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ ยังอยู่ในช่วงของการขยายงานและสร้างความแข็งแรง
อนึ่ง ในปี 58 ที่ผ่านมา TAKUNI มีกำไรสุทธิ 65.38 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและบริการ 1.35 พันล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่ราว 76% มาจากธุรกิจขายและขนส่ง LPG, การบริการรับเหมาก่อสร้างคลังก๊าซ 18.34% และธุรกิจทดสอบและตรวจสอบระบบความปลอดภัยทางวิศวกรรม 3.97%
ปัจจุบัน TAKUNI ประกอบธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจจัดหาจำหน่ายและขนส่งก๊าซ LPG ดำเนินการโดยบริษัทและบริษัท จีแก๊ส โลจิสติกส์ จำกัด (GG) ,ธุรกิจติดตั้งระบบก๊าซในรถยนต์และระบบท่อก๊าซอุตสาหกรรม ดำเนินการโดยบริษัท ทาคูนิ (ประเทศไทย) จำกัด(TT) ,ธุรกิจบริการทดสอบและตรวจสอบด้านความปลอดภัยทางวิศวกรรม ดำเนินการโดย RE ,ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ประเภท Oil & Gas ดำเนินการโดยซี เอ แซดฯ และธุรกิจไฟฟ้า ที่ดำเนินการโดยบริษัท เวลล์ โคราช เอ็นเนอร์ยี จำกัด (WKE) ที่ถือหุ้นอยู่ 45%
"เราจะไม่ทำธุรกิจเดียว เพราะถ้าขายก๊าซอย่างเดียวก็เจ๊ง ต้องกระจายความเสี่ยง แต่ในอนาคตเราก็จะยังอยู่ในธุรกิจเหล่านี้ทั้งซี เอ แซด ,ไฟฟ้า ,ก๊าซ"นายประเสริฐ กล่าว
นายประเสริฐ กล่าวว่า ปีที่แล้วผลการดำเนินงานของธุรกิจไฟฟ้าภายใต้ WKE ยังขาดทุนหลังจากเริ่มผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในเดือน ก.ค.58 แต่หลังจากการบริหารจัดการเริ่มดีขึ้นก็คาดว่าจะสามารถกลับมาเป็นกำไรได้ในปีนี้ แต่การขยายงานใหม่สำหรับธุรกิจไฟฟ้าในช่วงนี้อาจต้องชะลอไว้ก่อน จากเดิมมีแผนจะเข้าซื้อโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม เนื่องจากยังขาดบุคลากรที่เหมาะสมเข้ามาดูแล
สำหรับความคืบหน้าการเปิดใช้คลังก๊าซแห่งใหม่ที่ จ.ปทุมธานี ขนาดบรรจุ 400 ตัน หลังจากที่ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 55 จากเดิมที่มีคลังก๊าซอยู่ที่ จ.พิจิตร ขนาดประมาณ 1,000 ตันนั้น นายประเสริฐ คาดว่าจะสามารถเปิดบริการได้ในเร็ว ๆ นี้ โดยรอใบอนุญาตประกอบกิจการบรรจุก๊าซ (ป.ล.2) จากกรมธุรกิจพลังงาน