หุ้น GTB ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 2.04 บาท เพิ่มขึ้น 0.89 บาท (+77.39%) จากราคาขาย IPO 1.15 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,105.06 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 2.04 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 2.14 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.97 บาท
นายสุชาติ มงคลอารีย์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจตาแบค (GTB) เปิดเผยว่า บริษัทพอใจกับราคาเปิดซื้อขายวันแรกซึ่งสูงกว่าราคาเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่หุ้นละ 1.15 บาท จากนี้ไปบริษัทก็จะเดินหน้าทำธุรกิจตามแผนงานที่กำหนดไว้ โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้จะเติบโต 6-7% หรือมีรายได้ทะลุ 1,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 948.30 ล้านบาท ด้วยการเน้นบุกตลาดอาเซียนที่ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากการส่งออก 15% ของรายได้รวม ซึ่งจะมีส่วนช่วยเพิ่มรายได้ค่าบริการอีกด้วย
"ปีนี้เรามองว่าผลประกอบการยังคงมีการเติบโตได้ แม้ว่าหลายๆอุตสาหกรรมจะมีการชะลอตัวไป แต่อย่างไรก็ตามในอุตสาหกรรมอาหารคงยังมีการเติบโต ในขณะเดียวกันเราก็ยังจะเน้นรายได้จากการให้บริการเพิ่มเติมด้วย สำหรับราคาหุ้นในวันนี้ก็ถือว่าค่อนข้างพอใจเพราะปรับตัวขึ้นไปได้พอสมควร และไม่มากจนเกินไป"นายสุชาติ กล่าว
สำหรับตลาดเครื่องกำเนิดไอน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศยังมีอัตราเติบโตที่ดี ซึ่งในตลาดบนทางบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 50% เนื่องมาจากเครื่องกำเนิดไอน้ำนับว่าเป็นส่วนสำคัญที่สามารถใช้ในอุตสาหกรรมได้ทุกประเภท โดยบริษัทมีการผลิตเครื่องกำเนิดไอน้ำ ขนาด 1 ตันไอน้ำถึง 150 ตันไอน้ำ มีกำลังอัตราการผลิต 600-700 ตันไอน้ำ โดยปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้อยู่ราว (Backlog) 400 ล้านบาท
นอกจากนี้จะมีรายได้จากการขายเครื่องกำเนิดไอน้ำแล้ว บริษัทยังมีธุรกิจในการให้บริการและซ่อมบำรุงซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทประมาณ 10-20% ของรายได้รวมในแต่ละปี และสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอในทุกๆเดือน เนื่องจากตัวเครื่องกำเนิดไอน้ำ มีอายุการใช้งาน 20 ปี แต่จำเป็นต้องมีการให้ดูแลอยู่ตลอด
ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส แกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ บมจ.เจตาแบค (GTB) ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าหุ้น GTB ได้ 1.62 บาท อิง PE 16 เท่า
GTB เป็นผู้ผลิต จำหน่าย และติดตั้งเครื่องกำเนิดไอน้ำชั้นนำของไทยและอาเซียน รายได้หลัก 85% มาจากการขายและติดตั้งเครื่องกำเนิดไอน้ำและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง อีก 15% มาจากค่าบำรุงรักษาและซ่อมแซม บริษัทมีลูกค้าทั้งในและต่างประเทศรวมประมาณ 500 ราย ไม่ได้พึ่งพิงลูกค้าหรืออุตสาหกรรมใดอย่างมีนัยสำคัญ
กำไรสุทธิปี 2015 +11% Y-Y จากที่หดตัว 37% Y-Y ในปี 2014 เพราะการเมือง แต่คาดกำไรสุทธิปีนี้ +40% Y-Y ส่วนกำไรปกติ +74% Y-Y จาก Backlog เกือบ 500 ล้านบาทซึ่งรองรับคาดการณ์รายได้แล้ว 43% งานส่วนใหญ่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง และได้ BOI ที่ราคา IPO 1.15 บาทคิดเป็น PE เพียง 11.5 เท่า