นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) กล่าวว่า บริษัทปรับลดเป้าหมายยอดโอนโครงการในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-เม.ย. 59) มาอยู่ที่ 8 พันล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 1 หมื่นล้านบาท เป็นผลมาจากยอดโอนโครงการในไตรมาส 1/59 ทำได้ราว 4 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 5 พันล้านบาท แต่ก็ยังนับว่าเติบโต 100% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดโอนเพียง 2 พันล้านบาท
การที่ยอดโอนไตรมาสแรกต่ำกว่าเป้าหมายเป็นผลมาจากโครงการคอนโดมิเนียมที่มีกำหนดพร้อมส่งมอบส่วนใหญ่แล้วเสร็จในช่วงเดือน ก.พ. และเริ่มทยอยโอนบางส่วนในช่วงเดือน ก.พ.และ มี.ค. ทำให้มียอดโอนเข้ามาในไตรมาสแรกไม่มากนัก แต่จะเข้ามามากขึ้นตั้งแต่เดือน เม.ย.และในช่วงไตรมาส 2/59 เป็นส่วนใหญ่
ทั้งนี้ ช่วงไตรมาส 1/59 และไตรมาส 2/59 บริษัทมีโครงการที่มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมทยอยโอนทั้งหมด 5 โครงการ มูลค่าโครงการ 1.02 หมื่นล้านบาท ได้แก่ โครงการลุมพินี พาร์ค นวมินทร์-ศรีบูรพา, โครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ ร่มเกล้า-สุวรรณภูมิ ,โครงการลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต คลอง 1 เฟส 2 ,โครงการลุมพินี พาร์ค บีช ชะอำ ซึ่งสร้างเสร็จเร็วกว่ากำหนด 2 เดือน และโครงการเดอะ ลุมพินี ทเวนตี้โฟร์
นอกจากนี้ ในไตรมาส 1/59 ยังได้รับผลมาจากลูกค้าบางส่วนชะลอโอนโครงการ แม้ว่าจะมีมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองของภาครัฐ แต่บริษัทเชื่อว่าการโอนโครงการจะไปกระจุกตัวในเดือน เม.ย.นี้ เพราะมาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดในวันที่ 28 เม.ย.
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าในครึ่งปีแรกจะทำยอดโอนโครงการได้ 1 หมื่นล้านบาท แม้จะต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ 1.2 หมื่นล้านบาท แต่มั่นใจว่ายอดโอนโครงการทั้งปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 1.76 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ล่าสุดอยู่ที่ 9.7 พันล้านบาท ซึ่งจะมีการทยอยโอนในปีนี้ 9 พันล้านบาท และอีก 700 ล้านบาทจะทยอยโอนในปี 60
ส่วนยอดขายในไตรมาส 1/59 บริษัทมั่นใจว่าทำได้ตามเป้าที่ 2 พันล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายทั้งปี 1.76 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทได้เปิดโครงการลุมพินี วิลล์ ราชพฤกษ์-บางแวก มูลค่าโครงการ 1.3 พันล้านบาท และทำยอดขายได้แล้ว 20% อีกทั้ง ยังได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐฯที่เข้ามาช่วยหนุน
ประกอบกับ บริษัทได้ออกโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้า โดยให้ผ่อนชำระพิเศษ คือ ในช่วง 2 ปี ผ่อนชำระเดือนละ 2,000 บาท และปีที่ 3-5 ผ่อนชำระเดือนละ 2,600 บาท และบริษัทยังออกค่าไช้จ่ายไนเรื่องการโอนและการจดจำนองให้กับลูกค้า อีกทั้งในในช่วง 5 ปีแรกที่ลูกค้าเข้าอยู่บริษัทออกค่าใช้จ่ายส่วนกลางให้ทั้งหมด โดยโปรโมชั่นนี้ขยายระยะเวลาไปจนถึง 25 เม.ย.นี้ จากเดิมที่สิ้นสุด 31 มี.ค. เนื่องจากสนองนโยบายโครงการบ้านประชารัฐที่เพิ่งออกมา โดยบริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยที่สามารถเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 13 โครงการ จำนวน 4-5 พันยูนิต คิดเป็นมูลค่าโครงการรวม 4-5 พันล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยยูนิตละ 1 ล้านบาท ในส่วนนี้จะมีโครงการที่มีราคายูนิตละ 700,000 บาท จำนวน 3,000 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 2.1 พันล้านบาท
นายโอภาส กล่าวอีกว่า สำหรับการเปิดโครงการใหม่นั้นบริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ 10-12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.76 หมื่นล้านบาท โดยได้เปิดไปแล้ว 1 โครงการ คือ โครงการ ลุมพินี วิลล์ ราชพฤกษ์-บางแวก มูลค่า 1.3 พันล้านบาท และยังเหลือโครงการที่จะเปิดอีก 9-11 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.6 หมื่นล้านบาท
ส่วนการเปิดโครงการในต่างจังหวัดปีนี้อาจจะเปิดโครงการที่ชะอำและหัวหินพร้อมกัน 3 โครงการ เนื่องจากเป็นทำเลที่มีที่ดินพร้อมพัฒนาและยังมีซัพพลายด์น้อย หลังจากความสำเร็จของโครงการ ลุมพินี พาร์ค บีช ชะอำ ที่ขายโครงการหมดไปแล้ว ซึ่งทำให้บริษัทมองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเปิดโครงการในทำเลดังกล่าวที่ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยค่อนข้างมาก
นายโอภาส กล่าวถึงการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติใน LPN ว่า ปัจจุบันมีสัดส่วนรวมกันราว 20% ลดลงอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่เคยมีสัดส่วนสูงถึง 65% เพราะช่วง 2 ปีก่อนสหรัฐเกิดวิกฤตทำให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นของบริษัท แต่ปัจจุบันสัดส่วนรายย่อยก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีแผนการเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติในขณะนี้ เพราะต้องการปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ส่วนวันนี้ที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงมองว่าน่าจะรับผลจากโครงการบ้านประชารัฐที่นักลงทุนต่างมองว่าเป็นปัจจัยหนุนบริษัทในระยะสั้น
ทั้งนี้ หุ้น LPN ปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 13.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ 4.76%