หุ้น TPBI ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 14 บาท เพิ่มขึ้น 3.20 บาท (+29.63%) จากราคาขาย IPO ที่ 10.80 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 2,111.34 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 14 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 14.50 บาท และราคาลงต่ำสุดที่ 13.60 บาท
นายสมศักดิ์ บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีพีบีไอ (TPBI) กล่าวว่า ราคาหุ้นของบริษัทที่ปรับตัวขึ้นสูงกว่าราคาเสนอขายให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ระดับ 10.80 บาท/หุ้นนั้น เป็นการปรับขึ้นแบบสมเหตุสมผล และน่าจะขยับเพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคต ตามแผนขยายกำลังการผลิต และการขยายธุรกิจในรูปแบบการเข้าซื้อกิจการ หรือการร่วมลงทุนกับพันธมิตร โดยปีนี้มั่นใจว่ารายได้จะเติบโตจาก 4.8 พันล้านบาทในปีก่อน ตามการขยายตัวของบรรจุภัณฑ์พลาสติก ที่สอดคล้องไปตามอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) และบรรจุภัณฑ์มูลค่าสูง โดยปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนราว 300 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก จากปัจจุบันที่มี 64,920 ตัน/ปี จากฐนการผลิต 2 แห่ง ได้แก่ ที่อำเภอสามพราน จ.นครปฐม และอำเภอนิคมพัฒนา จ.ระยอง อีกทั้งยังนำไปขยายโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค ที่อ.สามพราน จ.นครปฐม ที่ปัจจุบันมีกำลังการผลิตราว 96 ล้านเมตรพิมพ์/ปี หรือประมาณ 192 ล้านซอง/ปี
พร้อมกันนี้บริษัทยังกันเงินที่เหลือบางส่วนไว้ เพื่อใช้สำหรับการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ,การร่วมทุนกับพันธมิตร โดยมองการลงทุนในกลุ่มโปรดักซ์ แพจเกจจิ้ง เป็นหลัก ที่จะเข้ามาต่อยอดธุรกิจ ซึ่งตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากบรรจุภัณฑ์มูลค่าสูงเป็น 40% ในอนาคต จากปัจจุบัน 20% และที่เหลือเป็นบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั่วไป โดยบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร 1 ราย คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปีนี้
ด้านนายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ หัวหน้าสายงานวาณิชธนกิจ บล.ทิสโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย กล่าวว่า แนวโน้มความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกยังเติบโตได้ดี ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก โดยผู้บริโภคได้ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตามจากศักยภาพบริษัท ทำให้ TPBI สามารถผลิตสินค้าป้อนความต้องการของตลาดโลกและรองรับการขยายตลาดบรรจุภัณฑ์พลาสติกไปยังตลาดใหม่ๆเพิ่มเติม ได้แก่ ตลาดอาเซียนและแอฟริกา จากเดิมที่มีตลาดส่งออกหลักอยุ่ในประเทศ ออสเตรเลีย อียู สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น รวมถึงการผลักดันการเติบโตของสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ที่มูลค่าสูงอีกด้วย
ด้านบล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ TPBI อยู่ที่ 13.70 บาท อิงจากการประเมินด้วยวิธี PEG ได้ PER 13 เท่าปี 2016F ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 13.5 เท่า โดยอ้างอิงจากค่าเฉลี่ย PER ของบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์ใกล้เคียงกับบริษัท จำนวน 2 บริษัท ได้แก่ บมจ.ทานตะวันอุตสาหกรรม (THIP) และ บมจ. มัลติแบกซ์ (MBAX) อย่างไรก็ตาม มองว่า TPBI เป็นบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ด้วยผลิตภัณฑ์เดิมที่หลากหลายและฐานลูกค้าที่กว้าง รวมทั้งการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตต่อเนื่อง
ทั้งนี้ คาดผลประกอบการของ TPBI จะเติบโตเฉลี่ย 13% ต่อปีระหว่างปี 59-61 ด้วยกำไรสุทธิ 420, 473 และ 537 ล้านบาท ตามลำดับ จาก 1) การเพิ่มขึ้นของรายได้ ทั้งจากกลุ่ม General packaging ที่เติบโตตามอุตสาหกรรม , Multilayer Blown Film ที่มีการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มกำลังการผลิต และ Flexible packaging ซึ่งขยายตัวตามธุรกิจค้าปลีก อาหารในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งคาดรายได้จะเติบโตเฉลี่ย 8% 2) อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 14.7% มาอยู่ที่ 15.5% จากการบริหารต้นทุนภายในที่ดี การเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีอัตรากำไรสูง และราคาวัตถุดิบที่ลดลงจะช่วยผลักดันอัตรากำไรและการเติบโตผลประกอบการของบริษัท