หุ้น TPBI ปิดเทรดวันแรกที่ 14.30 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท (+32.41%) จากราคาขาย IPO ที่ 10.80 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 3,304.50 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 14 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 14.60 บาท และราคาลงต่ำสุดที่ 13.60 บาท
นอกจากนี้ มีรายการบิ๊กล็อต TPBI-F 1 รายการ จำนวน 16 ล้านหุ้น มูลค่าซื้อขาย 172.80 ล้านบาท เทรดในราคาเดียวกับที่เสนอขาย IPO ที่ 10.80 บาท/หุ้น
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมิน Fair value ปี 59 ของบมจ.ทีพีบีไอ (TPBI) เท่ากับ 13.50 บาท อิงวิธี DCF (WACC 7.56%) เทียบเท่าค่า PER ที่ 12.8 เท่า และ PBV ที่ 2.1 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยหุ้นในอุตสาหกรรมถุงพลาสติก นอกจากนี้ ยังสามารถคาดหวังเงินปันผลเฉลี่ยราว 5% p.a.ภายใต้คาดการณ์ payout ratio ที่ 50% ของกำไรสุทธิ
นอกจากนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิงวด 1Q59 เท่ากับ 93 ล้านบาท ลดลง 10.9% qoq (แต่เพิ่มขึ้นถึง 30.8% yoy) โดยรายได้รวมจะลดลง 12.7% qoq (แต่เพิ่มขึ้น 10.0% yoy) เนื่องจากเป็นช่วง low season ของธุรกิจถุงพลาสติก หลังผ่านช่วงเทศกาลวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ไปแล้ว ทำให้ผู้บริโภคมีการซื้อสินค้าและใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วลดลง ขณะที่คาด gross margin ลดลงเล็กน้อยมาที่ 15.0% จากการดำเนินการผลิตของโรงงานที่ต่ำลง และคาดค่าใช้จ่าย SG&A/Sales ยังทรงตัวที่ระดับ 5.0%
ฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 59-61 จะเติบโตเฉลี่ย 7.4% p.a. (CAGR) จากปริมาณขายถุงพลาสติก ฟิล์มและบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนที่จะเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับ GDP และประชากรโลก โดยเฉพาะการเติบโตของธุรกิจฟิล์มและบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนที่มีมูลค่าเพิ่ม ตามการเติบโตของการใช้บรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนในอุตสาหกรรมอาหารพร้อมทานเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อ gross margin ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น