(เพิ่มเติม) รมว.คมนาคม ไม่รอจีนเดินหน้าสร้างรถไฟความเร็วสูง ส.ค.-ก.ย.นี้, อาจเปิด PPP เดินรถ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 25, 2016 14:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่าจากการประชุมหารือผู้นำของไทยและจีนเมื่อวันที่ 23 มี.ค.เกี่ยวกับโครงการความร่วมมือรถไฟไทย-จีน ได้มีปรับเส้นทางเป็นกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา-หนองคาย จากเดิมกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา-หนองคาย และ แก่งคอย-มาบตาพุด โดยจะก่อสร้างช่วงแรกก่อน คือกรุงเทพฯ- แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 250 กิโลเมตร (กม.) เป็นรถไฟความเร็ว 250 กม./ชม. ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร เพื่อรองรับผู้โดยสาร และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือน ส.ค.-ก.ย.59 เลื่อนจากเดิมในเดือน พ.ค. 59 โดยฝ่ายไทยจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด แต่ใช้เทคโนโลยีจากจีน

"โครงการรถไฟไทย-จีนล่าสุดได้ปรับเส้นทาง แต่อยู่ในกรอบเดิม การประชุม 23 มีนาคมที่ผ่านมา ผู้นำทั้งสองฝ่ายก็ตัดสินใจร่วมกันว่าเพื่อให้ทำงานได้เร็วขึ้น ข้อสรุปในการหารือ รัฐบาลไทยยืนยันความร่วมมือของโครงการความร่วมมือรถไฟไทย-จีนที่ร่วมกันมาตั้งแต่ปี 57 และอยากให้โครงการนี้เกิดเร็วที่สุด โดยฝ่ายไทยเห็นว่าเราจะทำช่วงแรกคือ กรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา มีความพร้อมมากที่สุด"รมว.คมนาคม กล่าว

อย่างไรก็ตาม วงเงินลงทุนเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา นั้นตัวเลขของไทยและจีนยังแตกต่างกัน โดยฝ่ายไทยระบุตัวเลขวงเงินลงทุน 1.7 แสนล้านบาท ขณะที่ข้อมูลของฝ่ายจีนอยู่ที่ 1.9 แสนล้านบาท ฝ่ายไทยจึงขอให้ปรับราคาลงมา โดยขอให้ตัดส่วนที่ไม่มีความจำเป็นออกไป

นายอาคม กล่าวว่า ด้านแหล่งเงินทุนจะพิจารณาจากจีนก่อน ซึ่งฝ่ายไทยขออัตราดอกเบี้ยพิเศษ โดยก่อนหน้าจีนเสนออัตรา 2.5% ขณะที่ฝ่ายไทยต้องการไม่เกิน 2% อย่างไรก็ตาม จากการหารือนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เชื่อว่าทางกระทรวงคลังมีขีดความสามารถที่จะหาแหล่งเงินกู้อื่นได้ ทั้งนี้ อาจจะกู้ในประเทศ หรือระดมเงินผ่านกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ ฉะนั้นหากฝ่ายจีนเสนอเงื่อนไขที่สูง ฝ่ายไทยก็จะพิจารณาแหล่งเงินกู้อื่น

"เรื่องแหล่งเงินได้คุยกับรมว.คลังแล้วซึ่งเข้าร่วมประชุมด้วยว่าเรามีขีดความสารถในการหาแหล่งเงินกู้...หากพิจารณากู้จากจีนในราคามิตรภาพ เป็นราคาที่คำนึงถึงความสัมพันธ์ของไทยกับจีน เพราะฉะนั้นเงื่อนไขการกู้เงินหรือแม้กระทั่งดอกเบี้ยก็ต้องขอว่าเป็นเงื่อนไขทางการเงินที่ดีที่สุด"นายอาคม กล่าว

ทั้งนี้ จะมีการหารือคณะทำงานระหว่างฝ่ายไทยกับจีนในช่วงไม่เกินต้นเม.ย.นี้ เพื่อให้ได้ข้อสรุปวงเงินลงทุน ขณะเดียวกันก็จะสรุปการหาแหล่งเงินกู้ ให้แล้วเสร็จก่อนจะเริ่มงานก่อสร้าง โดยงานโยธาจะเปิดให้ผู้รับเหมาไทยเข้าร่วม แต่บางช่วงเช่นพื้นที่ภูเขาก็ต้องใช้เทคโนโลยีของจีนเข้ามาช่วย ส่วนระบบอาณัติสัญญาณ ระบรถ และตัวรถจะมาจากจีน เพราะโครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐกับรัฐ(G to G)

รมว.คมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมจะพิจารณาให้งานระบบรถ ระบบอาณัติสัญญาณ และการเดินรถ เข้าไปเป็นรูปแบบเอกชนร่วมลงทุนภาครัฐ (PPP) ซึ่งให้เอกชนลงทุน และให้สัญญาสัมปทาน หรืออาจจะให้เอกชนเป็นผู้บริหารเดินรถ ในรูปแบบ PPP นอกจากนี้ จะมีการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ที่จะใช้ประโยชน์จากเส้นทางรถไฟ สถานีรถไฟ โดยจะให้เอกชนเข้ามาพัฒนาพื้นที่ อาจจะจัดในรูปแบบ PPP

ส่วนที่เหลือเส้นทางนครราชสีมา-หนองคาย ให้พิจารณาดำเนินการต่อไปเมื่อมีความพร้อม

ขณะที่การเชื่อมโยงเส้นทางการเดินรถไฟต่อไปยังลาวผ่านไปถึงจีนนั้น รมว.คมนาคม กล่าวว่า เดิมโครงการความร่วมมือรถไฟไทย-จีนเป็นรถไฟทางคู่แบบรางมาตรฐาน 1.435 ม. ที่แบ่งเป็น 4 ช่วง คือ กรุงเทพฯ-แก่งคอย, แก่งคอย-มาบตาพุด, แก่งคอย-นครราชสีมา และ นครราชสีมา-หนองคาย ซึ่งประเมินมูลค่าสูงถึง 5 แสนล้านบาท จึงได้ปรับเส้นทางและเพื่อไม่ให้เป็นการลงทุนซ้ำซ้อน เพราะไทยก็มีแผนจะก่อสร้างรถไฟทางคู่ไปถึงหนองคาย และเปลี่ยนไปเป็นโครงการรถไฟความเร็วสูงในช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 250 กม. ความเร็ว 250 กม./ชั่วโมง คาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสาร 2 หมื่นคน/วัน

ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า แนวทางเบื้องต้นรัฐบาลจะหาเงินลงทุนรมารองรับโครงการรถไฟความเร็วสูง โดยเน้นการกู้ในประเทศเป็นหลัก เชื่อว่าสภาพคล่องและดอกเบี้ยในขณะนี้เอื้ออำนวยเป็นอย่างมาก แต่หากมีต่างประเทศรายใดเสนอวงเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนมาให้ ให้ และหากดอกเบี้ยถูกกว่าดอกเบี้ยในประเทศ รัฐบาลก็พร้อมรับข้อเสนอ

"ในส่วนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าต้องใช้สัดส่วนเงินเท่าไหร่ และมาจากไหนบ้างเพราะต้องดูตัวโครงการทั้งหมดก่อนว่าแต่ละส่วนต้องมีการใช้งบเท่าไหร่ ทั้งราง ตัวรถไฟ การบริหารจัดการ ถ้ารู้ตรงนี้ จึงจะสามารถพิจารณาได้"รมว.คลัง กล่าว

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังยืนยันว่ามีความพร้อมที่จะดำเนินการกู้เงินให้ทางกระทรวงคมนาคมได้ทันที ซึ่งตามแผนจะลงเสาเข็มและเริ่มกู้ได้ประมาณเดือน ก.ค.-ส.ค. เพราะโครงการได้ออกแบบไว้เรียบร้อยทั้งหมดแล้ว สำหรับแนวคิดในการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) เพื่อจัดหาขบวนรถและบริหารการเดินรถอยู่ในวิสัยที่สามารถดำเนินการได้ และถือว่าเป็นเรื่องที่ดีด้วย เพราะสามารถช่วยรัฐประหยัดงบประมาณได้เป็นจำนวนมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ