PF มั่นใจยอดขาย-ยอดโอน Q1/59 เข้าเป้า,เชื่อครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งแรกรับเปิดตัว 16 โครงการใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 25, 2016 17:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต ปรานเจ้าหน้าที่กลุ่มธุรกิจ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจยอดขายพรีเซลและยอดโอนในไตรมาส 1/59 จะสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนและเป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะยอดโอนที่ตั้งเป้าไว้ 3.5 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 30% หลังขณะนี้ยอดขายทะลุ 3 พันล้านบาทไปแล้ว เนื่องจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ในเรื่องการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองเป็นปัจจัยหนุนให้มีลูกค้าเข้ามาซื้อมากขึ้น

ขณะที่ไตรมาส 2/59 บริษัทตั้งเป้ายอดขายพรีเซลที่ 3.5-4 พันล้านบาท โดยจะแคมเปญกระตุ้นยอดขายเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมาตรการภาครัฐจะสิ้นสุดในวันที่ 28 เม.ย.59 ซึ่งในช่วงหลังจากนั้นภาพรวมยอดขายของทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์ในเดือน พ.ค.-มิ.ย.จะลดลงราว 10-20% เพราะกำลังซื้อจะถูกดูดไปมากในช่วงเดือนเม.ย.และหลังจากนั้นจะเห็นการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์อีกพักหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมั่นใจว่ายอดขายพรีเซลทั้งปีนี้จะยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ 1.6 หมื่นล้านบาท เพราะยอดขายส่วนใหญ่จะเข้ามามากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากบริษัทมีแผนเปิดโครงการอีก 16 โครงการ มูลค่ารวม 2.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.68 หมื่นล้านบาท และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5.2 พันล้านบาท หลังจากช่วงที่ผ่านมาเปิดตัวไปแล้ว 1 โครงการ มูลค่า 2 พันล้านบาท คือ โครงการ i condo campus ศาลายา

ในด้านรายได้ในปีนี้บริษัทยังมั่นใจทำได้ตามเป้าไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท โดยจะมีการทยอยรับรู้รายได้เข้ามาจากการโอนโครงการในปีนี้ 4.2 พันล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนของโครงการแนวราบ 1 พันล้านบาท และยอดโอนจากโครงการคอนโดมิเนียม 3.2 พันล้านบาท จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นกุมภาพันธ์ 59 ที่ 6 พันล้านบาท

นอกจากนั้น คาดว่าจะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมที่บริษัทเตรียมจะนำเข้าโครงการบ้านประชารัฐ คือ โครงการ i condo งามวงศ์วาน จำนวน 40 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 1.4 ล้านบาท/ยูนิต รวมมูลค่าโครงการประมาณ 56-60 ล้านบาทที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนรายได้ รวมทั้งการเปิดโครงการแนวราบที่สามารถรับรู้รายได้เข้ามาบางส่วนในครึ่งปีหลัง

“ยอดโอนในไตรมาสแรกเราก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีจำนวนโครงการที่โอนเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 30 โครงการ แต่ถ้าเทียบกันทั้งครึ่งปีแรกนั้น เราคาดว่าครึ่งปีหลังก็จะดีกว่าทั้งยอดโอนและยอดขาย เพราะการเปิดโครงการในครึ่งปีหลังมีมากกว่าครึ่งปีแรก และมีโครงการรอโอนมากกว่าครึ่งปีแรกอีกด้วย"นายวงศกรณ์ กล่าว

ด้านภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปี 59 คาดว่าจะยังคงเติบโตได้อย่างน้อย 5-10% จากมาตรการการตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ส่วนการลงทุนของภาครัฐที่เป็นความหวังจะเติมเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ คาดว่าจะยังไม่เห็นการลงทุนในปีนี้ เนื่องจากหลายโครงการอยู่ในขั้นตอนการออกแบบ การเปิดประมูล การจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ต้องใช้ระยะเวลานาน ส่วนกำลังซื้อนั้นภาพรวมยังไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มระดับกลาง-ล่างสะท้อนจากยอดการปฎิเสธสินเชื่อของสถานบันการเงินสูงขึ้นเป็น 50% ในส่วนของบริษัทยอดปฏิเสธสินเชื่อยังอยู่ระดับเดิมที่ 20-25%

นายวงศกรณ์ กล่าวว่า บริษัทยังมีการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ความคืบหน้าโครงการ "เบลล่า คอสต้า หัวหิน" ตั้งอยู่บนพื้นที่ 11 ไร่ เป็นนคอนโดมิเนียมสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน สูง 4ชั้น จำนวน 4 อาคาร และ สูง 7 ชั้น 2 อาคาร ขนาด 45-90 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 3.99-8.90 ล้านบาท จำนวน 323 ยูนิต รวมมูลค่าโครงการ 1,799 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 35% ขณะที่บริษัทเตรียมแผนทำโปรโมชั่นในช่วงไฮซีซั่นคือจากช่วงนี้ถึงเดือน มิ.ย.และจะจัดหนักอีกครั้งในช่วงปลายปี โดยในช่วง 6 เดือนแรกตั้งเป้ายอดขายที่ 300 ล้านบาท และทั้งปี 500 ล้านบาท

"ยอดขายค่อนข้างช้ากว่าการขายคอนโดฯในกทม.แต่ก็ถือว่าเป็นเรียลดีมานด์ แต่ที่หัวหินซื้อเพื่อต้องการพักผ่อน และซื้อจริง อัตราการทิ้งห้องชุดต่ำมาก หรือประกาศขายต่อแต่อย่างใด โดยเริ่มโอนกรรมสิทธิ์เมื่อกลางเดือนมีนาคม 59 ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าคนไทย และมีต่างชาติเพียง 10% เท่านั้น คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ทั้งหมดในปลายปี 60"นายวงศ์กรณ์ กล่าว

ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในย่านหัวหิน ช่วงที่ผ่านมาเป็นทำเลอันดับต้นๆที่อยู่ในความนิยมของความต้องการคอนโดฯตากอากาศริมทะเล โดยเฉพาะในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว มีการพัฒนาโครงการทั้งฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกของถนนเพชรเกษม จนทำให้พื้นที่ในเมืองหัวหินเริ่มหนาแน่นมากขึ้นส่งผลให้ในช่วงนี้ไม่มีโครงการใหม่ๆ ติดทะเลเพราะหาที่ดินไม่ได้ ผู้ประกอบการจึงหันไปพัฒนาโครงการในโซนชะอำและเขาเต่าแทน แต่เนื่องจากกฎหมายผังเมืองใหม่ที่เป็นสีเขียวทะแยงประกาศให้เขาเต่าเป็นเขตอนุรักษ์ห้ามพัฒนาคอนโดมิเนียม ทำให้เน้นการพัฒนาเป็นบ้านจัดสรร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ