นายชาญชัย พันธุ์โสภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป (PLAT) เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ปีนี้น่าจะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก จากปีก่อนทำได้ 1,768.47 ล้านบาท และมั่นใจกำไรสุทธิก็น่าจะดีกว่าปีก่อนที่มีกำไร 629.53 ล้านบาท โดยการเติบโตจะมาจากการบริหารสัญญาค่าเช่า และการปรับขึ้นค่าเช่าในบางพื้นที่อย่างสมเหตุสมผล
รวมถึงบริษัทยังมีรายได้การบริหารโรงแรม จากจำนวนห้องที่มีอยู่รวม 283 ห้อง ซึ่งคาดว่าอัตราการเข้าพัก (OCC) จะไม่ต่ำกว่า 86% ขณะที่ราคาค่าเช่าห้องก็มีการปรับเพิ่มขึ้น โดย 2 เดือนแรกของปีนี้ราคาเฉลี่ยต่อห้องอยู่ที่ 3,100 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 58 ที่อยู่ในระดับ 2,960 บาท อีกทั้งศูนย์อาหารก็ยังสร้างรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับการลงทุนในโครงการ The Market by PLATINUM บนถนนราชดำริ ขณะนี้ได้ดำเนินก่อสร้างพื้นที่ส่วนหน้า 15 ไร่ โดยวางเสาเข็มไปแล้ว 300 ต้น จากจำนวน 500 ต้น คาดว่าจะเสร็จสิ้นในเดือน พ.ค.นี้ จากนั้นจะย้ายไปทำด้านหลังบนพื้นที่ 6 ไร่ คาดแล้วเสร็จในเดือน มิ.ย.59 ขณะที่บริษัทฯก็มีแผนที่จะขยายการลงทุนไปทำศูนย์การค้าชั้นใต้ดินเพิ่มเติมอีก คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงปลายไตรมาส 3/59 หรือต้นไตรมาส 4/59 ซึ่งจะสามารถเปิดให้จองพื้นที่ได้ในช่วงต้นปี 60 และคาดเปิดให้บริการในปลายปี 61
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการในเฟส 2 อย่างต่อเนื่อง หลังจากเปิดศูนย์การค้าดังกล่าวไปแล้ว โดยจะขยายไปในส่วนของอาคารสำนักงาน ซึ่งจะมีจำนวน 2 อาคาร พื้นที่รวม 50,000 ตร.ม. ซึ่งเงินลงทุนทั้งหมดของโครงการจะอยู่ที่กว่า 10,000 ล้านบาท
ส่วนการลงทุนโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ ที่เกาะสมุย 2 แห่งก็ยังเป็นไปตามแผนการดำเนินงานเดิมที่คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 63 ซึ่งจะทำให้ภาพในอนาคตธุรกิจของบริษัทไม่เกิน 3 ปีจะยกระดับกลายเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ครบวงจร
นายชาญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ ยังคงเติบโตไปได้อยู่ ยังมีกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้จากยังมีความต้องการซื้อสินค้าในศูนย์การค้า รวมถึงบริษัทฯยังคงมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันภายในศูนย์การค้า ทั้งร้านค้าและศูนย์อาหาร ที่จะดึงดูดความต้องการผู้บริโภคให้มาซื้อสินค้าอยู่ตลอด
"ปีนี้เรามองการเติบโตรายได้และกำไรสุทธิ จะดีกว่าปีก่อน จากสัดส่วนรายได้พื้นที่เช่า 58-60% โรงแรม 20% ศูนย์อาหาร 13-14% และที่เหลืออื่นๆ โดยเราก็ยังคงมีกิจกรรมที่จะช่วยส่งเสริมการขายอย่างสม่ำเสมอ ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงไปได้ดีอยู่ และจากการเมืองที่นิ่งสงบ ก้น่าจะส่งผลดีต่อกำลังซื้อ"นายชาญชัย กล่าว