นายนพดล ตัณศลารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มาสเตอร์ แอด (MACO) คาดว่ากำไรสุทธิ และรายได้ปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตราว 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ราว 721 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 170.66 ล้านบาท หลังมองธุรกิจสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยยังขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่บริษัทวางแผนขยายเครือข่ายสื่อโฆษณาและพื้นที่โฆษณาเพิ่มขึ้น พร้อมเตรียมรุกธุรกิจไปยังประเทศในกลุ่ม CLMV ทั้งกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนอย่างน้อย 2 ประเทศในปีนี้
"ปีนี้เราตั้งเป้ารายได้เติบโตประมาณ 20% หรือมาที่ 900 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากการบริหารสื่อป้ายโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยที่มีอยู่ และมีแผนที่จะขยายพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มอีก ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 ก็คาดจะดีกว่าไตรมาส 1/58 และ ไตรมาส 4/58 หลังจากลูกค้ามีความเชื่อมั่นมากขึ้น โดยมีการเซ็นสัญญาที่เป็นระยะยาวมากกว่าปีที่แล้ว ประกอบกับธุรกิจใหม่จะทยอยรับรู้รายได้เข้ามา ตั้งแต่ไตรมาสนี้เป็นต้นไป"นายนพดล กล่าว
นายนพดล กล่าวว่า บริษัทยังคงมุ่งเน้นการบริหารป้ายโฆษณา การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงสื่อป้ายโฆษณา เพื่อช่วยสร้างความน่าสนใจให้กับโฆษณาผ่านสื่อดังกล่าวมากยิ่งขึ้น และจะสามารถสร้างรายได้จากธุรกิจเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการพัฒนาและทดลองระบบเทคโนโลยี คาดว่าจะสามารถนำมาให้บริการแก่ลูกค้าได้ในเร็วๆนี้
นอกจากนี้บริษัทวางงบลงทุนราว 500 ล้านบาท เพื่อใช้ขยายเครือข่ายสื่อโฆษณาและพื้นที่โฆษณาเพิ่มขึ้น 20,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) จากปัจจุบันมีพื้นที่ราว 90,000 ตร.ม. แบ่งเป็น ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งในกรุงเทพฯและจังหวัดท่องเที่ยว รวมถึงจังหวัดที่เชื่อมต่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ประมาณ 18,000 ตร.ม. และสื่อโฆษณา Street Furniture ในกรุงเทพฯ อีกประมาณ 2,000 ตร.ม. ซึ่งรวมถึงในทำเลรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท (บางจาก-แบริ่ง) และสายสีลม (วงเวียนใหญ่) อีกทั้งยังมีการจับมือกับพันธมิตรด้านสื่ออื่นๆเพื่อนำมาสร้าง มูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าของ MACO อย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้บริษัทยังมองโอกาสขยายธุรกิจไปต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นรูปแบบของการร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น เพื่อร่วมกันทำตลาดขยายธุรกิจสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัย ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร ในกลุ่มประเทศ CLMV คาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนในปีนี้อย่างน้อย 2 ประเทศ จาก 4 ประเทศดังกล่าว หลังจากที่ผ่านมาได้ขยายธุรกิจไปในประเทศมาเลเซียในช่วงปลายปี 58 โดยจับมือกับบริษัท EYE Ball Channel SDN.BHD ผู้ได้รับสัมปทานสื่อป้ายโฆษณาบริเวณทางออกจากสนามบินนานาชาติ ของประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมกันดำเนินการติดตั้งป้าย Giant Gantry สื่อป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ในบริเวณใกล้ทางออกของสนามบิน KLIA Airport รวมถึงป้าย Unipole หรือสื่อบิลบอร์ดขนาดใหญ่ในรูปแบบแนวตั้ง คาดว่าจะรับรู้รายได้-กำไร เข้ามาได้ในช่วงไตรมาส 2/59 ตามสัดส่วนการถือหุ้น 40%
นายนพดล กล่าวว่า นอกจากการขยายการลงทุนในรูปแบบการร่วมทุนทางธุรกิจแล้ว บริษัทยังสนใจที่จะเข้าซื้อกิจการ ในธุรกิจสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัย เพื่อเข้ามาต่อยอดการเติบโตในอนาคต ซึ่งวางเป้าหมายภายใน 2-3 ปีจากนี้จะมีรายได้แตะ 1,500 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1.3 เท่า ยังสามารถกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินได้อีกมาก
สำหรับบมจ.วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) ที่จะเข้ามาควบรวม MACO นั้น มองว่าเป็นเรื่องที่ดี และน่าจะมีแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจนมากขึ้น ซี่ง VGI ถือว่ามีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรม หากรวมกันแล้วจะทำให้มีสื่อป้ายโฆษณาที่ครอบคลุมมากขึ้น และมีการเติบโตได้อีกมาก แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องขึ้นอยู่กับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ MACO ว่าจะขายหุ้นหรือไม่ ซึ่งต้นเดือนมิ.ย.นี้ ก็จะทราบว่า VGI จะถือหุ้นในสัดส่วนเกินครึ่งหรือไม่ โดย VGI จะทำสัญญาซื้อหุ้นจำนวน 12.46% ในราคาหุ้นละ 1.10 บาท คาดว่าจะนำเรื่องซื้อหุ้น MACO เข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้น VGI ในวันที่ 30 พ.ค.59 และหลังจากที่ได้รับการอนุมัติก็จะดำเนินการทันที ซึ่งจะทำให้มีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 37.42% จากปัจจุบันถืออยู่ 24.96%
"ขึ้นอยู่กับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ MACO ว่าจะขายหุ้นหรือไม่ ซึ่งต้นเดือนมิ.ย.นี้ก็จะรู้ผล แต่ในส่วนของผมที่ถืออยู่ 20% ผมไม่มีนโยบายขายหุ้นออกไปในตอนนี้ เพราะอนาคตเชื่อว่า MACO ยังเติบโตได้อีกมาก"นายนพดล กล่าว