นายปสันต์ สวัสดิ์บุรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส แผนกธุรกิจใหม่และวางแผน บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจผลการดำเนินงานในปีนี้จะพลิกกลับมามีกำไร จากปีก่อนขาดทุน 173.84 ล้านบาทรับผลกระทบที่บริษัทได้ปรับประมาณการของบางโครงการ รวมถึงการปรับประมาณค่าก่อสร้างบางโครงการที่มีต้นทุนสูง แต่สำหรับปีนี้มองว่าแนวโน้มของผลการดำเนินงานจะดีกว่าปีก่อน เนื่องจากบนิษัทเชื่อว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างจะกลับมาขยายตัวดีอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน บริษัทได้ส่งหนังสือไปยังกิจการร่วมค้า NPVSKG เพื่อเรียกร้องค่าชดเชยการก่อสร้างเป็นเงินต้นและดอกเบี้ย 694 ล้านบาท หลังจากที่ NPVSKG ได้รับเงินชดเชยการยกเลิกสัญญาก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านก้อนแรก 3.2 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าจะรับรู้เป็นกำไรภายในปีนี้ โดยปัจจุบันคดีคลองด่านอยู่ระหว่างการบังคับคดี
นายปสันต์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้จากการดำเนินธุรกิจในปีนี้เติบโตราว 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 7.67 พันล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการรับรู้รายได้ 45-50% จากงานรับเหมาก่อสร้างในมือ (Backlog) ทั้งหมดที่มีในปัจจุบันราว 1.4 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้ารับงานใหม่ในปีนี้ทั้งงานของภาครัฐและเอกชนไม่ต่ำกว่า 7 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีงานที่ยื่นประมูลไปแล้วมูลค่ารวม 3 พัหมื่นล้านบาท คาดหวังได้ได้รับงานส่วนนี้ราว 10% โดยจะเน้นรับงานที่มีอัตรากำไรสูง เพื่อผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ให้สูงขึ้นเป็น 8% จากปีก่อน 5.53%
“ปัจจุบันเรามีสัดส่วนงานจากภาครัฐ 60% และอีก 40% เป็นงานชองภาคเอกชน แต่ในส่วนของงานในมือที่จะเข้ามาใหม่ปีนี้ 7 พันล้านบาท คาดว่าจะเป็นของเอกชน 50% และจากหน่วยงานภาครัฐ 50% และเรายังมองว่าอัตรากำไรขั้นต้นของเราในปีนี้จะเพิ่มเป็น 8% จากปีก่อน 5.53% โดยเราจะเน้นการรับงานโครงการที่มีมูลค่าสูงและให้มาร์จิ้นดีในระดับ 6-8% ต่อโครงการ"นายปสันต์ กล่าว
สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้มีแผนเปิดโครงการบ้านเดี่ยวย่านรังสิตคลอง 3 มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 5-6 ล้านบาท/หลังในไตรมาส 2/59 ส่วนการรับรู้รายจากโครงการอสังหาริมทรัพย์จะมีการโอนโครงการ The ISSARA LADPRAO ในปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้ามูลค่าโครงการ 2.7 พันล้านบาท และจากโครงการ ISSI Comdominium มูลค่าโครงการ 1.8 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนโครงการในปีนี้ราว 600-700 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีการโอนไปแล้ว 600-700 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมี Backlog ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 2 พันล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใน 3-5 ปีปรับเพิ่มเป็น 10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 5%
นายปสันต์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาแตกไลน์ธุรกิจใหม่เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท โดยเป็นธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ดำเนินงานอยู่ในปัจจุบัน และไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงาน โดยธุรกิจใหม่นั้นจะใช้เงินลงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีนี้
“ธุรกิจใหม่ที่เราศึกษาอยู่นั้นก็จะเป็นธุรกิจใหม่ที่ต่างออกไปจากธุรกิจเดิมเลย และก็ไม่ใช่ธุรกิจพลังงานด้วย เงินลงทุนก็ใช้มากกว่า 100 ล้านบาท ดดยในงบลงทุนที่เราจั้งไว้ปีนี้ 500-1,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งก็จะมาใช้ลงทุนธุรกิจใหม่ด้วย และหากว่าเงินทุนในธุรกิจใหม่นั้นไม่เพียงพอจริง เราก็อาจจะมีการพิจารณาเพิ่มทุนก็เป็นแนวทางหนึ่งที่เราศึกษาอยู่"นายปสันต์ กล่าว