(เพิ่มเติม) AJD ตั้งเป้าร่วมมือ Alibaba.com สร้างรายได้ราว 250 ลบ.กวาดยอดสมาชิก 5 พันรายปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 28, 2016 18:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.คราวน์ เทค แอดวานซ์ (AJD) เปิดเผยว่า Alibaba.com เว็บไซด์อีคอมเมิร์ซใหญ่จากจีน แต่งตั้งบริษัทให้เป็นตัวแทนผู้ให้บริการระบบสมาชิกในประเทศไทย เพื่อรับสมัครสมาชิกสำหรับ SMEs และบริษัทต่าง ๆ ในประเทศที่ให้ความสนใจ โดยตั้งเป้ากวาดยอดสมาชิก 5 พันราย หรือคิดเป็นรายได้ไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาทภายในปีนี้

นายอมร มีมะโน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AJD เปิดเผยว่า ความร่วมมือกับ Alibaba.com ในครั้งนี้นับเป็นก้าวที่สำคัญของบริษัทที่เชื่อมั่นว่าจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ด้วยทีมงานขายที่มีศักยภาพกระจายทั่วประเทศกว่า 1,000 ราย และพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง ด้วยบริการแบบครบวงจรให้คำปรึกษาด้านการตลาด และบริการขนส่งสินค้า ตลอดจน Call Center 1108 ตลอด 24 ชั่วโมง จะทำให้บริษัทมีจุดเด่น

อีกทั้งมองว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนให้ SMEs มีช่องทางการขายสินค้าส่งออกไปในตลาดต่างประเทศได้ทั่วโลก และยังเป็นการต่อยอดทางธุรกิจให้กับ AJD ได้ในอนาคต

ด้านนายณัฐวัชร์ วรนพกุล ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AJD กล่าวว่า AJD ได้เตรียมความพร้อมบุคคลกรที่มีความรู้ด้านการขายและการตลาดกว่า 20 คนในเริ่มแรกที่ผ่านการอบรม ระบบการใช้งานของ Alibaba พร้อมให้คำแนะนำกับ SMEs และสมาชิก Alibaba นอกจากนี้ AJD ยังได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ สมัครสมาชิกกับ AJD ตั้งแต่วันนี้จะได้รับเครื่องใช้ไฟฟ้าของ AJD ในทุกแพกเกจ พิเศษไปยิ่งกว่านั้น สมาชิก Alibaba ต่ออายุสมาชิกกับ AJD ก็จะได้รับสิทธิ์เช่นเดียวกับสมาชิกใหม่ด้วยเช่นกัน อัตราค่าสมาชิก Alibaba มีราคาเริ่มต้นเพียงเดือนละ 4,000 กว่าบาทเท่านั้นเอง โดยไม่มีค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายใดๆจากการขายสินค้าเพราะเงื่อนไขการขายสินค้าจะเป็นผู้ซื้อและผู้ขายตกลงกันเองอย่างอิสระ

นาย Zhang Jun General Manager of B2B Oversea Business, Alibaba กล่าวว่า เรามองเห็นศักยภาพของตลาด เนื่องด้วยประเทศไทยอยู่ในอันดับต้นๆที่ได้รับการค้นหาสินค้าจากผู้ซื้อทั่วโลก และเป็นประเทศลำดับที่ 6 จากประเทศทั่วโลกที่เราเลือกที่จะแต่งตั้งตัวแทน ตลอดจนยังมีอัตราการเติบโตของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การแต่งตั้งบริษัท AJD เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของประเทศไทยจะเพิ่มศักยภาพของตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยได้อย่างก้าวกระโดด โดย AJD จะเป็นผู้ให้บริการเกี่ยวกับระบบสมาชิก GlobalGoldSuppliers (GGS) ใน Alibaba.com ตั้งแต่ขั้นตอนการรับสมัครสมาชิก การทำกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขาย ไปจนถึงการประสานงานดูแลให้ธุรกิจและผลิตภัณฑ์ของสมาชิก Alibaba สามารถแสดงผลบนหน้าเว็บไซต์ Alibaba.com ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังรายละเอียดต่อไปนี้ - Premium Website หน้าเว็บธุรกิจภายใน Alibaba.com ที่สามารถลงสินค้าได้ไม่จำกัด

  • Top Tier Ranking แสดงข้อมูลสินค้าในอันดับที่ดีบนหน้าเว็บไซต์ Alibaba.com Third Party Verification สัญลักษณ์ความน่าเชื่อถือ เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อจากทั่วโลก Buyer Access Privileges สิทธิพิเศษสำหรับธุรกิจสามารถนำเสนอสินค้าไปยังผู้ซื้อจากทั่วโลกที่กำลังมีความต้องการซื้อ

ทั้งนี้ ปัจจุบันทาง Alibaba.com มี Reseller ทั้งสิ้น 6 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย, ตุรกี, อินโดนีเซีย,มาเลเซีย, เวียดนาม และประเทศไทย

ขณะที่นายอมร กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้ายอดสมาชิก Alibaba.com ในไทยเบื้องต้นในปี 60 จะเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ราย จากคาดราว 5,000 รายในปีนี้ ซึ่งบริษัทจะรับรู้รายได้จากค่าคอมมิชั่นในอัตราส่วน 15-40% ของยอดสมาชิกทั้งหมด โดยค่าใช้จ่ายของสมาชิกอยู่ที่ระดับรายละ 46,998 บาท จนถึง 202,998 บาท

บริษัทตั้งงบลงทุน 12.5 ล้านบาทเพื่อโปรโมท Alibaba.com ในไทย โดยในวันพรุ่งนี้จะจัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้กับผู้ประกอบการ SMEs คาดหวังจะมีสมาชิกรายแรกเข้ามา นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเจรากับธนาคายักษ์ใหญ่ 2 แห่งในประเทศ เพื่อที่จะนำลูกค้าของธนาคารในกลุ่ม SMEs เข้ามาจดทะเบียนเป็นสมาชิก เพื่อขยายช่องทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ

"เบื้องต้นทาง ให้เป้าหมายมาว่าในปีนีต้องมีสมาชิก 5 พันราย อย่างไรก็ตามทางบริษัทได้มีการเข้าหารือกับ 2 แบงก์ยักษ์ใหญ่ เพื่อดึงลูกค้า SMEs เข้ามาเป็นสมาชิก โดยหากการเจรจาแล้วเสร็จ สมาชิกของ อาลีบาบาในปีนี้อาจจะขึ้นไประดับ 1หมื่รายเลยก็เป็นไร อย่างไรก็ตามต้องดูสถานการณ์ และดูการตอบรับของลูกค้าในเบื้องต้นก่อน"นายอมร กล่าว

สำหรับธุรกิจ logistics นั้นบริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับ alibaba ต่อเนื่องและคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีนี้

นายอมร กล่าวว่า ทิศทางผลประกอบการของ AJD ในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายดีกว่าปีก่อน แม้ธุรกิจจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในปีนี้อาจจะปรับตัวลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศยังชะลอตัว อย่างไรก็ตาม บริษัทจะหันมาเน้นธุรกิจตู้เติมสบาย ซึ่งเบื้องต้นตั้งเป้ายอดขายจะอยู่ที่ 50,000 ตู้ในปีนี้ จากปัจจุบันมียอดขายไปแล้วราว 8,500 ตู้ หลังจากบริษัทปรับระบบการจัดการให้มีสเถียรภาพมากขึ้น ทำให้มีความต้องการซื้อตู้เพิมขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เพราะบริษัทให้ผลตอบแทนให้กับลูกค้ามากที่สุดในตลาด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ