นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) กล่าวว่า บริษัทวางแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปีนี้ โดยตั้งเป้าหมายจะลดค่าใช้จ่ายรวมต่อบาร์เรล (unit cost) ปีนี้เหลือ 34-35 เหรียญ/บาร์เรล จาก 39 เหรียญ/บาร์เรลในปีที่แล้ว ซึ่งจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายส่วนเงินสดที่ใช้จริงต่อบาร์เรล (cash cost) ต่ำกว่า 15 เหรียญ/บาร์เรล จาก 16 เหรียญ/บาร์เรลในปีก่อน
"ปีนี้เรามีเป้าหมายที่จะลดต้นทุนเพิ่มขึ้นให้ได้อีกประมาณ 10% unit cost ตกประมาณ 34-35 เหรียญ/บาร์เรล ถ้าได้ราคาเฉลี่ยที่ขายได้ 35 เหรียญก็จะ break even ไม่ขาดทุน"นายสมพร กล่าวต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น PTTEP ในบ่ายวันนี้
นายสมพร กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินงานจะอยู่ภายใต้กลยุทธ์ reset ซึ่งเป็นการปรับฐานต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันและรักษาระดับการผลิตเพื่อความมั่นคงของประเทศ, refocus ซึ่งเป็นการเน้นแผนการลงทุนในพื้นที่เชี่ยวชาญ การเพิ่มแผนการลงทุนในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะเมียนมาร์ รวมถึงการพัฒนาโครงการที่มีศักยภาพ เช่น แหล่งโมซัมบิก LNG สนับสนุนความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆเพื่อหาโอกาสการลงทุนในอนาคต เช่น การลงทุนในตะวันออกกลาง
และ renew เป็นการปรับกลยุทธ์รองรับการเติบโตด้วยความยั่งยืนขึ้น เช่น การเพิ่มพันธมิตรในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม การศึกษาลงทุนในธุรกิจใหม่ๆที่จะมีโอกาสเติบโตในอนาคต โดยให้ความสำคัญกับการศึกษาพลังงานทางเลือกอย่างใกล้ชิด รวมถึงการร่วมกับบมจ.ปตท. (PTT) เพื่อลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นต้น
สำหรับโครงการต่างประเทศที่บริษัทให้ความสำคัญในปีนี้ คือ โครงการในเมียนมาร์ ซึ่งสามารถสร้างผลผลิตและรายได้ให้บริษัทราว 20% ของรายได้ในบริษัท รวมถึงโครงการโมซัมบิกที่ PTTEP .ถือหุ้นอยู่ราว 8.5% มีปริมาณสำรองสูงถึง 70-75 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะสรุปการลงทุนในโครงการนี้ต่อไป
ขณะที่การลงทุนและการเข้าซื้อกิจการจะเน้นในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญเป็นหลัก
นายสมพร กล่าวอีกว่า บริษัทยังได้ดำเนินการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ากรณีราคาน้ำมันตกต่ำจะไม่ทำให้รายได้สูญเสียไป ในทางกลับกันก็จะไม่เสียประโยชน์หากในกรณีราคาน้ำมันปรับขึ้นด้วย โดยในไตรมาส 1/59 ได้ทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันในช่วง 37-40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ณ สิ้นปี 58 PTTEP มีปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้ว 738 ล้านบาร์เรล โดยมีโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 38 โครงการ ใน 11 ประเทศ โดยทุกโครงการสามารถรักษาระดับการผลิตได้ดี โดยเป็นปริมาณขายจากโครงการในประเทศราว 74% ,โครงการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ราว 19% ส่วนที่เหลืออีก 7% มาจากโครงการในพื้นที่อื่นๆ
ด้านนางสาวพรรณนลิน มหาวงศ์ธิกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและการบัญชี ของ PTTEP กล่าวว่า การศึกษาเรื่องพลังงานทางเลือกเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจในระยะยาว ซึ่งขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะระบุความชัดเจนได้ แต่เบื้องต้นมองโอกาสการลงทุนในธุรกิจ LNG
ส่วนความคืบหน้าการเสนอซื้อหุ้น 22.2% ในแหล่งบงกชที่บริติช แก๊ส เสนอขายออกมานั้น ล่าสุดคงต้องรอความชัดเจนก่อนหลังจากที่กลุ่มเชลล์อยู่ระหว่างจะซื้อกิจการของบริติช แก๊ส (บีจี กรุ๊ป)