"ตลาดภายในประเทศเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยเพาะในช่วงเทศกาล ขณะที่ราคาเป็ดก็เริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่ยังไม่ถึงระดับต้นปี 58 ส่วนตลาดต่างประเทศ ถือว่ายังไปได้ดีอยุ่ โดยยุโรป ก็เริ่มเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้ส่งผลดีต่อยอดขายของเรา ซึ่งปีนี้เราตั้งเป้าหมายรายได้น่าจะเติบโตได้ 10-15% จากปีก่อน"นายชลชาสน์ กล่าว
นายชลชาสน์ กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งเป็นอาหารสำเร็จรูป คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงปลายปีนี้ โดยหวังจะมีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูงขึ้นราว 5-10% เมื่อเทียบอัตรากำไรจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ปัจจุบันทั้งเป็ดสดและเป็ดปรุงสุก อย่างไรก็ตาม การออกผลิตภัณฑ์ใหม่จะช่วยผลักดันยอดขายรวม และรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นมาด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายช่องทางการจำหน่ายมากขึ้น ทั้งเจรจาขายสินค้าให้กับร้านอาหาร ที่ยังไม่มีเมนูเป็ด และขยายไปยังต่างประเทศ โดยมีความสนใจในประเทศที่นิยมรับประทานเป็ด เช่น จีน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนทุกรูปแบบ ทั้งการเข้าไปร่วมลงทุน การเข้าซื้อกิจการ หรือลงทุนเอง ใน 3-4 ประเทศทั่วโลก ซึ่งบริษัทฯมีความพร้อมของแหล่งเงินลงทุนโดยปัจจุบันมีหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.5 เท่า
สำหรับความคืบหน้าการเจรจาพันธมิตรที่ประเทศอินโดนีเซีย บริษัทฯคาดว่าน่าจะสรุปได้ในไตรมาส 2/59 โดยคาดหวังเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 40% ซึ่งจะเป็นการลงทุนเช่นเดียวกับในไทยที่ทำธุรกิจเป็ดครบวงจร มีทั้งโรงเชือด โรงฟู้ดส์ และฟาร์มเป็ด โดยน่าจะมีการลงทุนได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในส่วนนี้ราว 1-1.5 พันล้านบาท
ส่วนการลงทุนปีนี้บริษัทฯวางงบลงทุนราว 900-1,200 ล้านบาท เพื่อใช้ก่อสร้างโรงเชือด , โรงงานอาหารสำเร็จรูป และขยายฟาร์ม ที่จ.สระแก้ว คาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 9 ล้านตัว/วัน จากปัจจุบัน 18 ล้านตัว/วัน ซึ่งน่าจะแล้วเสร็จได้ในช่วงปี 61