หุ้นในกลุ่มรับเหมาฯ และวัสดุก่อสร้าง ราคาขยับขึ้นสวนทางตลาดโดยรวม โดยเมื่อเวลา 11.06 น.หุ้น CK อยู่ที่ 25.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท (+1%)มูลค่าซื้อขาย 266.62 ล้านบาท
หุ้น ITD อยู่ที่ 7.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท (+1.40%) มูลค่าซื้อขาย 502.99 ล้านบาท
หุ้น STEC อยู่ที่ 22.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท (+3.21%) มูลค่าซื้อขาย 269.94 ล้านบาท
หุ้น TMT อยู่ที่ 10.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท (+5.21%) มูลค่าซื้อขาย 10.23 ล้านบาท
หุ้น SEAFCO อยู่ที่ 9.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท (+2.23%) มูลค่าซื้อขาย 7.15 ล้านบาท
หุ้น EPG อยู่ที่ 13.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท (+0.75%) มูลค่าซื้อขาย 8.36 ล้านบาท
หุ้น PYLON อยู่ที่ 10.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท (+0.94%) มูลค่าซื้อขาย 3.43 ล้านบาท
ขณะที่ดัชนี SET อยู่ที่ 1,407.41 จุด ลดลง 2.88 จุด (-0.20%) เมื่อเวลา 11.06 น.
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า โดยมองการลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 และโครงการรถไฟฟ้า รวมถึงรถไฟทางคู่ โดยประเมินการเปิดขายซองประมูลโครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อหุ้นในกลุ่มรับเหมาฯ และวัสดุก่อสร้าง และจะเป็นการปลดล๊อกให้มีการประมูลโครงการรถไฟฟ้า และรถไฟทางคู่เส้นต่างๆตามมา
จึงแนะนำ"เก็งกำไร" 1) หุ้นกลุ่มรับเหมาฯตัวหลัก (CK, STEC, ITD) 2) งานเสาเข็ม (SEAFCO, PYLON, TMC) 3) วัสดุก่อสร้าง ทั้งกลุ่มเหล็กและกลุ่มวางระบบไฟฟ้า (SCC, TMT, ASEFA, EPG)