แหล่งข่าวกล่าวว่า การกลับเข้ามาลงทุนในธุรกิจหลักทรัพย์ของไทยอีกครั้งของ"หยวนต้า"มีขึ้นหลังจากผ่านช่วง 3 ปีที่เป็นเงื่อนไขห้ามทำธุรกิจหลักทรัพย์หลังจากขาย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้กับบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จึงทำให้ "หยวนต้า"ต้องหยุดการลงทุนธุรกิจหลักทรัพย์ในไทยไป
แต่หลังจากหมดระยะเวลาตามเงื่อนไข ทางหยวนต้าก็ยังมีความสนใจที่จะลงทุนธุรกิจหลักทรัพย์ในไทยอยู่ จึงได้ติดต่อมาที่ธนาคารเกียรตินาคิน "การเข้ามาลงทุนของ"หยวนต้า"ในครั้งนี้ จะเข้ามาลงทุนในสัดส่วน 100% เรียกได้ว่าซื้อหุ้นทั้งหมดจากแบงก์เกียรตินาคิน ซึ่งทีมผู้บริหารคาดว่าจะคงเดิมไว้ เพียงแต่อาจจะมีคนของผู้ถือหุ้นใหม่"หยวนต้า"เข้ามานั่งเก้าอี้เพิ่ม...ที่จริงดีลการขายบล.เคเคเทรด ได้เริ่มทำมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว (2558)" แหล่งข่าวกล่าว
ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่ามีว่าทีมผู้บริหารเก่าที่เป็นคนไทยจากบล.หยวนต้าเดิมเข้ามาเทคโอเวอร์ด้วยนั้น ไม่เป็นความจริง
ทั้งนี้สอดคล้องกับการเปิดเผยของนายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธ์ (EA) ในฐานะ อดีตผู้บริหารคนสำคัญของบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวกับ”อินโฟเควสท์”ว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว
“ผมไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย คนแวดล้อมผมก็ไม่ได้ทำอะไร แต่ประชุมผมก็ไม่มีเวลาแล้ว ขอปฏิเสธเลยเรื่องซื้อเคเคเทรดผมจะเอาไปทำไม”นายสมโภชน์ กล่าว
อนึ่ง ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุ ข้อมูลล่าสุดเมื่อ 2 ม.ค.2559 ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) ถือหุ้น บล.เคเคเทรดในสัดส่วน 99.99%
ขณะที่ แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ เปิดเผยว่า การกลับเข้ามาของ "หยวนต้า"คาดว่าจะเป็นกลยุทธ์ในการขยายฐานผู้ลงทุนเพื่อรองรับระบบการเทรดที่เรียกกันว่า โรบอท เทรดดิ้ง ซึ่งทางโบรกเกอร์ใต้หวันได้มีการพัฒนาซอฟแวร์ดังกล่าวอย่างหลากหลายและพยายามขยายผู้ใช้ในตลาดต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม การใช้บริการซอฟแวร์ดังกล่าวมีต้นทุนค่อนข้างสูงดังนั้น คงไม่ได้เข้ามาแข่งขันที่ราคาค่าบริการ เนื่องจากขณะนี้ในวงการโบรกเกอร์ของไทยมีการแข่งขันด้านนี้กันค่อนข้างสูงอยู่แล้ว แต่การทำเสนอระบบเทรดใหม่ ๆ ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่มีความเป็นไปได้มากกว่า นั่นคือสิ่งที่โบรกเกอร์ไต้หวันมองเห็น