นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) กล่าวถึงความคืบหน้าของแผนงานในปีนี้ว่า โครงการผลิตสาร Linear Alkyl Benzene (LAB) วัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและสารซักล้างนั้น ได้เดินเครื่องผลิตแล้วเมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยเพิ่มค่าการกลั่น (GRM) ได้ราว 40-60 เซนต์/บาร์เรล
ขณะที่ความคืบหน้าการดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 2 โครงการรวมกำลังผลิต 239 เมกะวัตต์ (MW) นั้น สามารถเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 1 โครงการเมื่อวันที่ 1 เม.ย. และอีก 1 โครงการจะเริ่ม COD ในเดือนมิ.ย. โดยทั้ง 2 โครงการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวม 180 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยสร้างกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ราว 2 พันล้านบาท/ปี
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปีนี้เบื้องต้นคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนสต็อกน้ำมัน (stock loss) น้อยลงเมื่อเทียบกับปีก่อนจากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่อัตรากำไร (มาร์จิ้น) มีแนวโน้มทรงตัวจากปีก่อน โดยมองส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันดิบยังอยู่ระดับที่ดี จากความต้องการเบนซินที่มีอยู่สูง แต่ส่วนต่างราคาดีเซลและน้ำมันดิบจะแคบลง