นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งแคบ แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นได้ แต่ก็มีแรงกดดันทางปัจจัยการเมือง หลังจากที่ทางสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทำให้อาจไปกดดันตลาดฯได้
นอกจากนี้ ตลาดบ้านเราจะมีวันเทรดเพียงแค่ 2 วันก่อนที่จะเข้าสู่วันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งทั้งในแดนบวก-ลบ เนื่องจากในช่วงนี้ยังไม่มีปัจจัยพิเศษจากนอกประเทศ
พร้อมให้แนวรับ 1,360 จุด ส่วนแนวต้าน 1,380 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (8 เม.ย.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,576.96 จุด เพิ่มขึ้น 35.00 จุด (+0.20%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,850.69 จุด เพิ่มขึ้น 2.32 จุด (+0.05%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,047.60 จุด เพิ่มขึ้น 5.69 จุด (+0.28%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 59.95 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 21.95 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 114.56 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 22.54 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.20 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 10.96 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.21 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 เม.ย.59) 1,369.64 จุด เพิ่มขึ้น 12.95 จุด (+0.95%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,778.00 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 เม.ย.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (8 เม.ย.59) ปิดที่ 39.72 ดอลลาร์/
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 เม.ย.59) ที่ 5.75 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.07/09 คาดแกว่งแคบให้กรอบวันนี้ 35.00-35.15
- แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะทำงานปฏิรูปภาษีกำลังหนักใจกับการปรับปรุงภาษีทั้งระบบ ซึ่งรายได้ของคลังจะหายไปจากการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โครงสร้างภาษีเพื่อการลงทุนเพื่อใช้เป็นมาตรการจูงใจให้เกิดการลงทุนในประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องมีรายได้มาชดเชยส่วนที่หายไป ซึ่งทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ก็เสนอแนะให้คลังทยอยขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต)
- ปตท.มองภาพรวมใช้น้ำมันปีนี้สูงขึ้น 8-10% ปัจจัยหลักจากราคาน้ำมันถูกลง ทำให้ความต้องการเพิ่ม การปรับโครงสร้างแอลพีจี ส่งผลยานยนต์เปลี่ยนไปใช้เบนซินมากขึ้น คาดทั้งปีต้องนำเข้าเบนซินถึง 160 ล้านลิตร ชี้ผลกระทบส่วนหนึ่งจากโรงกลั่นปิดซ่อม ไม่เห็นด้วยเก็บเงินวัตถุดิบผลิตปิโตรเคมีเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
- ธปท.เผยคนยังมีกำลังซื้อต่อเนื่อง พบยอดการใช้จ่ายบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 1.7 หมื่นล้านบาท เติบโต 13.5% ทุกประเภทการใช้จ่าย ส่วนการปล่อยสินเชื่อและปริมาณบัตรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ด้านแบงก์ไม่สดใสในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการในปัจจุบันเพิ่ม แต่ดัชนีอนาคตปรับลดลง ห่วงอุปสงค์ภายในประเทศฉุดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
- สมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เตรียมผลักดันให้รัฐบาลอนุมัติให้โรงแรมที่มีค่าใช้จ่ายในการปรับปรุง หรือรีโนเวต ด้านสิ่งแวดล้อม หรือ เลือกใช้สินค้าวัสดุที่มาจากการผลิตในประเทศ สามารถนำค่าใช้จ่ายดังกล่าวมาหักลดหย่อนภาษีได้ เพื่อเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของโรงแรมที่ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้มากขึ้น ที่ผ่านมาสมาคมได้เสนอแนวคิดให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แต่ไม่ได้รับการตอบรับ เพราะบีโอไอต้องการสนับสนุนเรื่องภาษีกับโรงแรมที่ลงทุนใหม่เท่านั้น
*หุ้นเด่นวันนี้
- STA (ยูโอบี เคย์เฮียน) เป้า 14 บาท ราคายางโลกเข้าสู่ช่วงร้อนแรงเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน กำไรมี correlation เชื่อมโยงกับราคายางมากถึง 80% จึงได้ผลบวกสูง และตั้งแต่ มี.ค.59 ไทยจะจับมือกับอินโดนีเซียลดการผลิตและส่งออกยางพาราจนถึง ส.ค.59 เชื่อจะมีผลให้ราคายางพาราปรับขึ้นต่อตั้งแต่ เม.ย.59 เป็นต้นไป โดยช่วงไตรมาส 2 หลายพื้นที่ในประเทศไทยเข้าสู่ช่วงยางผลัดใบ ทำให้ปริมาณ supply ยางลดลงและหนุนราคาขึ้น
- BKD (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 4.50 บาท ราคาหุ้นยังน่าสนใจเมื่อเทียบกับกำไรอยู่ในช่วงเร่งตัวตามอุตสาหกรรมที่ขยายตัวโดยเฉพาะงานโรงพยาบาลและโรงแรม ขณะที่ BKD เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมตกแต่งภายในโครงการขนาดใหญ่ มี Backlog 1.75 พันล้านบาทรองรับรายได้ทั้งปีนี้แล้ว ดกำไรสุทธิปีนี้โต 28% Y-Y ส่วน EPS โต 9% Y-Y บริษัทยังเข้าร่วมงานประมูลอีกกว่า 3 พันล้านบาท
- ADVANC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 193 บาท แม้การกลับมาสนใจใบอนุญาตคลื่น 900MHz จะสร้างSentiment เชิงลบเพราะราคาประมูลตั้งต้นที่สูงถึง 7.5 หมื่นล้านบาท โดยคาดกำไรปี 59 หดตัวเพิ่มเป็น -20% Y-Y จากปัจจุบันที่คาด -15% Y-Y และกำไรปี 60 โตเพียง 2.8% Y-Y แต่ราคาหุ้นปรับลง 12% ในสัปดาห์ที่ผ่านมาสะท้อนข่าวไปแล้ว ส่วนความกังวลเรื่องการจ่ายปันผลที่จะลดลงจากจ่าย 100% ของกำไร เชื่อว่าจะรักษาระดับ Dividend yield ที่ 7% ต่อปีได้
- BANPU (โกลเบล็ก) เป้า 22 บาท คาดปี 59 พลิกเป็นกำไรที่ 1,510 ลบ. (+198% YoY) จากโรงไฟฟ้า BLCP และโรงไฟฟ้าหงสาจะทำการผลิตครบทั้ง 3 หน่วย ซึ่งจะชดเชยผลประกอบการของธุรกิจถ่านหินที่ปรับตัวลงตามภาวะตลาดที่ซบเซา โดยปรับลดการลงทุนในธุรกิจถ่านหินเพื่อเน้นธุรกิจโรงไฟฟ้าสู่ 2.4 GW ในปี 63 จากปัจจุบัน 1.63 GW เตรียมนำ BANPU POWERเข้าตลท.ใน 2H59 ช่วยชำระคืนเงินกู้แก่ BANPU ราว 400 ล้านดอลลาร์ และลดภาระดอกเบี้ยได้ราว 800 ล้านบาทต่อปี