นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี (AEC) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า หลังจากเข้ามารับงาน AEC ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่ามา มีความตั้งใจจะปรับโครงสร้างองค์กรภายใน เนื่องจากปัจจุบันบริษัทพึ่งพิงรายได้หลักจากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (คอมมิชชั่น) มากเกินไป จึงเห็นว่าควรจะมีการกระจายการหารายได้ในบริการด้านการลงทุนทั้งตราสารหนี้และตราสารทุน รวมทั้งก้าวไปสู่การยกระดับเป็น Smart Broker
"ผมมีเพื่อนและ Fund ต่างประเทศที่ลงทุนไปทั่วโลก เราก็อาจจะไปลงทุนต่างประเทศได้ ในระดับความเสี่ยงที่เรารับได้...ลูกค้าอาจต้องดู Asset allocation เพื่อลดความเสี่ยง เพราะอัตราดอกเบี้ยบ้านเรามันต่ำ ลูกค้าจะต้องมองการลงทุนให้ครบวงจรมากขึ้น ทั้งในเรื่องตราสารหนี้ และตราสารทุน"นายชนะชัย กล่า
"สาขานี้เป็นสาขาที่ผมดูแลอยู่แล้วในตอนที่ทำงานที่ CGS ถือได้ว่าเป็นสาขาใหญ่แห่งหนึ่ง เพราะมีเซลอยู่ประมาณ 60-70 คน และมีพอร์ตลูกค้าอยู่หลายพันคนที่ดูแลอยู่ ส่วนสาขาอื่น ๆ ที่จะเปิดเพิ่มจะต้องดูความเหมาะสมก่อน ซึ่งสาขาของบริษัทฯก็อยากจะให้เป็นลักษณะของ Service center ให้เป็นลักษณะที่ Active ขึ้น"
พร้อมกันนั้น ทีมงานที่เคยทำงานด้วยกันก็จะย้ายเข้ามามาทำงานที่ AEC ในหลายส่วนงาน ทั้งบริการ Fix Income และ Marketing ซึ่งหลังจากที่เข้ามาทำงานแล้วทีมงานก็จะทยอยเข้ามาเสริม ปัจจุบันพนักงานของ AEC ก็มีอยู่ประมาณกว่า 300 คน ขณะที่ทีมงานใหม่ที่จะทยอยเข้ามาก็มีประมาณ 80-100 คน รวมแล้วก็จะมีประมาณ 400 คน
นายชนะชัย กล่าวต่อว่า บริษัทฯยังมีแผนที่จะมีพอร์ตในเชิงกลยุทธ์เพิ่มเข้ามา โดยจะเก็บ space ในทุกสภาพตลาด ซึ่งก็มีทีมพร้อมจะดำเนินการ ซึ่งจะเป็นส่วนเพิ่มจากพอร์ต Prop. Trade ที่ทำอยู่แล้ว
"มาร์เก็ตแชร์ของเดิมก็ทำได้ค่อนข้างดีอยู่แล้ว ผมไม่มองเป้าหมายมาร์เก็ตแชร์ แต่ผมจะมองที่รายได้ที่จะเข้ามามากกว่า จากหลากหลายช่องทาง ทั้งการหา Product ใหม่ ๆ เข้ามา และให้พนักงานได้มีการเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งใหม่ที่จะเข้ามา เพื่อที่จะให้บริการลูกค้าได้เป็นอย่างดี...คาดว่าจะเห็นภาพของการเปลี่ยนแปลงไปในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า"นายชนะชัย กล่าว