นายศรีราชา วงศารยางกูร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน แจงการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกรณีหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมทั้งการปกปิดข้อเท็จจริง เรื่องการคืนท่อก๊าซธรรมชาติและทรัพย์สินของรัฐ เป็นข้อเท็จจริงคนละส่วนกับกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งล่าสุดไม่รับคำร้องของนางสาวรสนา โตสิตระกูล ที่ขอให้ศาลพิจารณาไต่สวนรายการทรัพย์สินที่บมจ.ปตท. (PTT) ต้องส่งคืนกระทรวงการคลังใหม่
"คำสั่งไม่รับฟ้องดังกล่าวไม่น่าจะมีผลกับคำร้องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นฟ้องต่อศาล แม้ในคำฟ้องของผู้ตรวจฯจะมีปมว่ารายการทรัพย์สินที่ปตท. ต้องคืนตามที่ตุลาการเจ้าของสำนวนมีคำสั่งนั้นไม่ถูกต้อง"นายศรีราชา ตั้งข้อสังเกตในเอกสารเผยแพร่
นายศรีราชา ระบุว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นข้อเท็จจริงคนละส่วนกับคำฟ้องของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 4 เม.ย.59 เพื่อขอให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 18 ธ.ค.50 และวันที่ 10 ส.ค.53 ในส่วนที่เกี่ยวกับการส่งมอบทรัพย์สินประกอบด้วย ที่ดินที่ได้จากการเวนคืน สิทธิการใช้ที่ดินเหนือที่ดินเอกชน และทรัพย์สินที่เป็นระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ได้แก่ โครงการท่อบางปะกง-วังน้อย ,โครงการท่อจากชายแดนไทยพม่า-ราชบุรี และโครงการท่อราชบุรี-วังน้อย รวมถึงโครงการท่อย่อย ซึ่งมีมูลค่าทางบัญชี ณ วันที่ 30 ก.ย.44 ประมาณ 16,175 ล้านบาท เนื่องจากมติครม.ดังกล่าวเกิดจากการที่นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงานในขณะนั้น ปกปิดข้อมูลข้อเท็จจริง อีกทั้งมีกระบวนการทำผิดกฎหมายเนื่องจากกรมธนารักษ์ไม่ได้ถูกมอบหมายให้ดำเนินการแต่กลับไปดำเนินการ
ดังนั้น ที่ว่าเป็นการกระทำโดยชอบ จริงๆคือไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นข้อเท็จจริงใหม่ที่เกิดขึ้น และเป็นประโยชน์สาธารณะ พร้อมกันนี้ การร้องไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี ยังไม่เคยปรากฏมีการร้องมาก่อน หรือเคยมีอยู่ในคำฟ้องเดิมแน่นอน
อนึ่ง เมื่อสัปดาห์ก่อน ปตท.ออกเอกสารเผยแพร่ ระบุว่า ปตท.ได้คัดสำเนาผลคำสั่งศาลฯต่อกรณีที่นางสาวรสนา ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 21 พ.ค.58 ว่าปตท. ยังส่งมอบทรัพย์สินคืนให้แก่กระทรวงการคลังยังไม่ครบถ้วนนั้น คำสั่งศาลฯล่าสุดระบุว่าการที่นางรสนากับพวกได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลปกครองสูงสุดเพิกถอนคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.51 ที่รับรองว่าปตท.ส่งคืนทรัพย์สินตามคำพิพากษาครบถ้วนแล้ว และขอให้ศาลมีคำสั่งใหม่โดยพิจารณารายงานของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ได้ตรวจสอบทรัพย์สินในคดีนี้อีกครั้งหนึ่งนั้น เป็นการยื่นคำร้องที่ต้องห้ามตามกฎหมาย เพราะเป็นการขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดในคดีที่ศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้ว ดังนั้น ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องนางสาวรสนา โตสิตระกูล กับพวก เมื่อวันที่ 21 พ.ค.58 ไว้พิจารณา
นายศรีราชา ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ความเป็นมาเกี่ยวกับการยื่นฟ้องต่อ ปตท. โดยเริ่มตั้งแต่การแปรรูป ปตท.เป็นบริษัทมหาชน ตลอดจนเรื่องราวการบริหารจัดการภายในองค์กร ที่ยังเป็นข้อสงสัยในความไม่โปร่งใสและตรวจสอบได้ ดังต่อไปนี้ ได้แก่ การแปรรูปจากรัฐวิสาหกิจมาเป็นบริษัทมหาชนไม่โปร่งใส เนื่องจากมีการจัดสรรหุ้นให้พนักงานเพื่อลดกระแสการคัดค้านการแปรรูป ,การแปรรูปไม่โปร่งใส จากการเปิดจองซื้อหุ้นผ่านธนาคาร ปรากฎว่าขายหมดในเวลารวดเร็ว ทำให้มีความสงสัยว่าอาจจะมีกระจายหุ้นไปเกือบหมดแล้ว และการเปิดขายให้ประชาชนเป็นเพียงพิธีกรรมเท่านั้นหรือไม่ รวมถึงมีข้อสงสัยในการบริหารงานไม่โปร่งใสด้วย
อย่างไรก็ตาม สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินพร้อมที่จะยอมรับคำตัดสินของศาลปกครองที่จะมีต่อไป