สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (11 - 12 เมษายน 2558) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 155,125.83 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 77,562.92 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 72% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้ว จะพบว่ากว่า 73% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 113,671 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 26,539 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,559 ล้านบาท หรือคิดเป็น 17% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB196A (อายุ 3.2 ปี) LB176A (อายุ 1.2 ปี) และ LB21DA (อายุ 5.7 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 6,169 ล้านบาท 5,365 ล้านบาท และ 4,226 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) รุ่น TISCO166A (A) มูลค่าการซื้อขาย 483 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) รุ่น CENTEL169B (Non-Rated) มูลค่าการซื้อขาย 315 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) รุ่น CPF235A (A+) มูลค่าการซื้อขาย 216 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับเพิ่มขึ้นในตราสารระยะยาว โดยตราสารรุ่นอายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้น 6 bps. จาก 1.66% ในสัปดาห์ก่อนหน้าเป็น 1.72% หลังจากปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว ประกอบกับ นักลงทุนลดการถือครองก่อนเข้าช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ด้านปัจจัยต่างประเทศ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) แสดงความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในทิศทางที่แข็งแกร่งและยังคงเอื้อต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่จีนเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือน มี.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นระดับเดียวกันกับเดือน ก.พ. ทั้งนี้ตลาดติดตามผลการประชุมประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ในวันอาทิตย์ที่ 17 เม.ย. นี้ว่าจะสามารถตกลงกันแก้ไขราคาน้ำมันตกต่ำได้หรือไม่
สัปดาห์ที่ผ่านมา (11 เม.ย. - 12 เม.ย. 59) มีกระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ 11,565 ล้านบาท โดยเป็นการขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 2,142 ล้านบาท และขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (อายุมากกว่า 1 ปี) 1,154 ล้านบาท โดยมีตราสารหนี้ที่หมดอายุ (Expired) 7,879 ล้านบาท
หมายเหตุ: อันดับเครดิต หมายถึง อันดับเครดิตของหุ้นกู้เฉพาะรุ่น หรือ อันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้
ความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ไทย สัปดาห์นี้ สัปดาห์ก่อนหน้า เปลี่ยนแปลง สะสมตั้งแต่ต้นปี (11 - 12 เม.ย. 59) (4 - 8 เม.ย. 59) (%) (1 ม.ค. - 12 เม.ย. 59) มูลค่าการซื้อขาย แบบปกติ - Outright Trading (ล้านบาท) 155,125.83 545,470.53 -71.56% 6,973,030.94 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 77,562.92 136,367.63 -43.12% 99,614.73 ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Gross Price index) 115.81 116.51 -0.60% ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (Corp Bond Gross Price index) 108.81 108.93 -0.11% เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Yield Curve) --% ช่วงอายุของตราสารหนี้ 1 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 30 ปี สัปดาห์นี้ (12 เม.ย. 59) 1.35 1.36 1.36 1.36 1.5 1.72 2.08 2.49 สัปดาห์ก่อนหน้า (8 เม.ย. 59) 1.36 1.36 1.36 1.36 1.48 1.66 2.05 2.4 เปลี่ยนแปลง (basis point) -1 0 0 0 2 6 3 9