นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ กล่าวในงานสัมมนา“เปิดโผหุ้นไทย ทำกำไร ใสสะอาด"ว่า การเลือกหุ้นที่ใสสะอาดจะให้ความสำคัญในการคัดเลือกหุ้นที่มีมิติในเชิงคุณภาพ หรือแบ่งเป็น 3 เรื่อง คือ ต้องมีความโปร่งใส และคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นหลัก, ต้องเป็นบริษัทที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม แต่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นบริษัทที่ช่วยเหลือสังคม ซึ่งเป็นปัจจัยที่เป็นการคัดเลือกเบื้องต้น จากนั้นการเลือกหุ้นในเชิงปริมาณก็จะทำได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ บลจ.วรรณ ยังให้ความสำคัญกับการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น หากบริษัทที่มีการประกาศตัวชัดเจนถึงการต่อต้านคอรัปชั่น และมีการลงมือทำให้เห็น ก็จะพิจารณาลงทุน หลังจากนั้นจะมาพิจารณาปัจจัยเชิงปริมาณ หรือการวิเคราะห์แนวโน้มผลการดำเนินงาน และงบการเงินที่จะมีบทบาทสำคัญ โดยมีปัจจัยพื้นฐาน 3 ประการในการเลือกหุ้นที่ดี มีการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงราคาที่เหมาะสม คือ ผลตอบแทนจากการลงทุน (Dividend yield), มูลค่าหุ้นเทียบกับราคาหุ้นต่อดัชนี (PB/ROE) และ นำค่า PE หารด้วยแนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิ (PEG) ถ้าทั้ง 3 ส่วนนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีก็จะตอบโจทย์หุ้นที่ดีได้อย่างแน่นอน
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าฝ่ายวิจัยทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า หลักของการคัดเลือกหุ้นที่โปร่งใส นักลงทุนจะต้องมีความเข้าใจในตัวบริษัท สัมผัสถึงตัวตนของผู้บริหาร การให้ความสำคัญกับเรื่องต่างๆ และผลการดำเนินงานที่มีการเติบโตมาโดยตลอด ซึ่งจะสะท้อนถึงความยั่งยืนของบริษัทนั้นๆ เพื่อความมั่นใจของการลงทุนระยะยาว
นอกจากนี้ การวิเคราะห์หุ้นต้องดูไปถึงการดำเนินกิจการ หรือโครงการต่างๆ ซึ่งหากเป็นบริษัทที่ยังไม่มีความมั่นใจที่จะลงทุนมากนัก แนะนำให้ใช้เวลาไปก่อน โดยหุ้นที่ดีอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการดูนานถึง 2-3 ปี ขณะที่การเป็นบริษัทที่ดีก็ต้องเป็นบริษัทที่มีการปรับตัวกับสิ่งแวดล้อม และการแข่งขัน เพื่อความยั่งยืนของบริษัท
“เราอาจจะมีการคัดกรองในเบื้องต้นก่อน ด้วยคุณภาพที่เราจับต้องได้ หลังจากนั้นเรื่องบางเรื่องที่จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเขาสะอาดจริง และเติบโตอย่างยั่งยืนหรือไม่ อาจจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ขึ้นอยู่กับเรื่องของคุณภาพและประสบการณ์ที่เราสัมผัสกับบริษํทจดทะเบียนเหล่านั้น" แนะนำการลงทุนหุ้นกลุ่มที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นหุ้นที่มีความโปร่งใส อย่าง CPN, SCC, TU, PSL, SAT
ด้านนายพิชัย เลิศสุพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต กล่าวว่า วิธีคัดกรองหุ้นที่มีการใช้กันมาตลอด คือการดูตัวเลขทางการเงิน เพื่อเอามาเปรียบเทียบ และดูไปถึงแต่ละกลุ่มธุรกิจ เพื่อคัดเลือกหุ้นที่มีคุณภาพ ซึ่งมองว่าการเลือกหุ้นที่มีคุณภาพเป็นเรื่องที่นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มให้ความสำคัญมากขึ้น
ทั้งนี้ หุ้นที่ดีจะต้องมีการพิจารณาในระยะเวลาที่ยาวนาน เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว ซึ่ง บล.ธนชาต แนะนำหุ้น AOT เนื่องด้วยเป็นุรกิจท่องเที่ยวที่มีการเติบโตที่ดี, CHG, HANA, IRPC, MINT และ ROBINS