หุ้น SCC ราคาวิ่งขึ้น 3.43% มาอยู่ที่ 482 บาท เพิ่มขึ้น 16 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,350.84 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.51 น. โดยเปิดตลาดที่ 468 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 486 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 466 บาท
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) กล่าวว่า ราคาหุ้น บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) วันนี้ปรับตัวขึ้น คาดว่าจะเป็นผลจาก Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติไหลเข้ามา ซึ่ง Flow ต่างชาติได้ไหลเข้ามาตั้งแต่เมื่อวานนี้ด้วย ในการซื้อสุทธิกว่า 1,700 ล้านบาท
ด้านบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น SCC ราคาพื้นฐาน 560 บาท ชอบ SCC ในแง่ที่มีการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตธุรกิจ ขณะที่ ธุรกิจปูน/วัสดุก่อสร้างยังซบเซา ธุรกิจปิโตรเคมีที่ยังมีวงจรราคาที่ดีช่วยให้การทำกำไรมีเสถียรภาพ ในเวลาเดียวกัน หากโครงการภาครัฐฯออกมาได้ตามคาดในปีนี้ ธุรกิจปูน/วัสดุก่อสร้างน่าจะกลับมาเติบโตมากขึ้นในปี 60 พร้อมกับธุรกิจปิโตรเคมีที่ดีต่อเนื่อง คาดว่าศักยภาพกำไรปี 60 จะดีกว่าปี 59
ทางฝ่ายยังหวังการกลับมาของธุรกิจปูนซิเมนต์/วัสดุก่อสร้างจะช่วยกลับมาใน 2H59 โดยคาดว่า อุปสงค์ปูนฯจะเร่งตัวมากขึ้นใน 2H59 จากการที่ภาครัฐฯจะเร่งการประมูลโครงการใหญ่ และเริ่มการก่อสร้างในปีนี้ อีกทั้ง เชื่อว่าการก่อสร้างจากภาคอสังหาฯเพี่อที่อยู่อาศัยและการพาณิชย์ ซึ่งหลายบริษัทเริ่มจะมีการเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยคงเป้าการเติบโตของอุปสงค์ปูนฯที่ 3-5% ในปีนี้ ในเวลาเดียวกัน จะมีส่วนเพิ่มต่อยอดขายจากโรงใหม่ในภูมิภาค 2 โรงที่จะผลิตได้เต็มที่ปีนี้ และอีก 1 โรงที่ เมียร์มาร์ ช่วงกลางปีนี้ คาดธุรกิจปูนซิเมนต์/วัสดุก่อสร้างเติบโตเล็กน้อยในส่วนของธุรกิจกระดาษ
โดยไม่ได้หวังการเติบโตมากเพราะทางบริษัทกำลังอยู่ระหว่างปรับกลยุทธ์มาทำบรรจุภัณฑ์มากขึ้นชดเชยภาวะซบเซาของธุรกิจพิมพ์เขียน ประเมินกำไรทรงตัว ขณะที่ ธุรกิจปิโตรเคมียังน่าเป็นแรงหนุนกำไรปีนี้ได้ เพราะแนวโน้ม Spread ผลิตภัณฑ์หลัก HDPE-Naptha ยังไปได้ดี คาดว่าจะมี Spread เพิ่มจากปีก่อนราว US$50/ตัน พร้อมกับแนวโน้มที่ดีขึ้นจากบริษัทร่วม-ปิโตรเคมี โดยเฉพาะ Chandra Asri ทำให้ภาพรวมกำไรปีนี้เติบโตไม่มาก
ทั้งนี้ คาดหมายกำไร 1Q59 ลดลง 3% y-y โดยภาพรวมธุรกิจหลักยังดีขึ้นไม่ทั่วหน้า ธุรกิจปูนซิเมนต์/วัสดุก่อสร้างยังไม่ได้เติบโตมากนัก แม้ว่า อุปสงค์ปูนซิเมนต์ 1Q59 น่าจะจบเพิ่มขึ้น 1-2% หลังจากเติบโต 1.5% ใน 2M1Q59 อย่างไรก็ตาม ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ซึ่งมีสัดส่วนการขายในประเทศสูงยังซบเซาจากตลาดต่างจังหวัดที่ได้รับผลลบจากการแห้งแล้ง นอกจากนี้ โรงปูนใหม่ 2 แห่งที่ กัมพูชาและ อินโดนีเซีย ที่เริ่มผลิตใน 4Q58 ปัจจุบันนี้ยังผลิตไม่เต็มที่ ราว 50-60% ทำให้ต้องรับภาระค่าเสื่อมราคาอยู่ ในเวลาเดียวกัน ธุรกิจกระดาษ ยังไม่น่าจะเติบโตจาก 1Q58 เพราะส่วนต่างผลิตภัณฑ์ยังต่ำ คาดว่ายังอ่อนลง