นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.มิลล์คอน สตีล (MILL) เปิดตัวความร่วมมือการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ “ก้าวใหม่อุตสาหกรรมก่อสร้างไทย สู่ยุคดิจิตอล : Builk New Era" กับบริษัท บิลค์ เอเชีย จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจขายวัสดุก่อสร้างผ่านออนไลน์ เพื่อต่อยอดสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเต็มรูปแบบ โดยการร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้เป็นลักษณะของการสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีเกิดใหม่ หรือ Start up
บริษัทเชื่อว่าบริษัท บิลค์ เอเชีย จำกัด จะมีการเติบโตที่ดีในอนาคต โดย MILL จะเข้าไปสนับสนุนใน 4 เรื่องหลัก คือ การขยายเน็ตเวิร์คจากเครือข่ายที่บริษัทมีอยู่, การเพิ่มยอดขายสินค้าให้มากขึ้น และผลักดันให้สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) รวมทั้ง สนับสนุนด้านเงินลงทุน ซึ่งเป็นสาระสำคัญที่จะทำให้บิลค์ เอเชีย เติบโตได้อย่างรวดเร็ว และผลักดันให้มีระบบการจัดส่งสินค้า หรือ โลจิสติกส์ ที่ดี
"การที่เราเข้ามาสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีดังกล่าว เราไม่ได้ต้องการผลประโยชน์มากมาย แต่เราอยากเห็นบิลค์ เอเชีย มีการเติบโตอย่างยั่งยืนและเปลี่ยนวงการก่อสร้าง ซึ่งการที่บริษัทฯเข้ามาลงทุน ก็เล็งเห็นความสำคัญของการเติบโตในอนาคต และน่าจะมีส่วนให้เราประสบความสำเร็จได้"นายสิทธิชัย กล่าว
ก่อนหน้านี้ MILL ได้เข้าลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท ลองกอง สตูดิโอ สัดส่วน 40% (บริษัทแม่ของบิลค์ เอเชีย) ซึ่งบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทพัฒนาระบบจัดการทรัพยากรในองค์กร (ERP) สำหรับธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งบริการวางระบบโดยทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อเกิดศักยภาพสูงสุดในการบริหารจัดการภายในองค์กรได้รับรู้ข้อมูลทุกระบบแบบทันที และมีการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สนองต่อความต้องการเพิ่มเติมของกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายไผท ผดุงถิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิลค์ เอเชีย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจให้บริการซอฟแวร์บริหารธุรกิจก่อสร้าง และจำหน่ายวัสดุก่อสร้างออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ BUILK.COM กล่าวว่า บริษัทฯได้ตัดสินใจร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ กลุ่มบริษัทมิลล์คอนฯ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิต และผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็ก และศูนย์บริการด้านผลิตภัณฑ์เหล็กแบบครบวงจร เนื่องจากมองว่าธุรกิจการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างออนไลน์มีแนวโน้มเติบโตสูง
พร้อมกันนี้กลุ่ม MILL ก็สนใจในธุรกิจนวัตกรรมที่ส่งเสริมการขยาย Supply Chain ในธุรกิจก่อสร้าง จึงตัดสินใจร่วมเป็นพันธมิตรกัน โดยกลุ่ม MILL จะเข้ามาช่วยสนับสนุนด้านวัสดุก่อสร้างในฐานะที่เป็นผู้ผลิตโดยตรง อีกทั้งยังได้รับประโยชน์จากเครือข่ายทางธุรกิจของกลุ่ม MILL ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนด้วย
ปัจจุบัน บริษัทมีผู้ใช้งานมากกว่า 10,000 กิจการ ขณะที่คาดว่าหลังจากร่วมมือเป็นพันธมิตรกับกลุ่ม MILL จะทำให้รายได้ในปีนี้เติบโตถึง 5 เท่า จากปีก่อนมีรายได้ราว 20 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากการขายโฆษณา และการวิเคราะห์ข้อมูล (DATA) ให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างที่เป็นสมาชิก
สำหรับแผนการขยายเครือข่ายจากนี้จะรุกไปยังประเทศที่กลุ่ม MILL ได้เข้าไปทำธุรกิจอยู่แล้ว โดยมีความสนใจในประเทศพม่า จากปัจจุบันบริษัทมีเครือข่ายอยู่แล้ว 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย, ฟิลิปปินส์, ลาว, อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ทำให้ภาพการเติบโตของธุรกิจจะขยายไปสู่อาเซียนมากขึ้น
ส่วนทิศทางธุรกิจขายวัสดุก่อสร้างออนไลน์ มองว่ามีการเติบโตสูง โดยจะเป็นทางเลือกของธุรกิจก่อสร้างทั้งที่เป็นกลุ่มเอสเอ็มอีและลูกค้าทั่วไป สามารถลดต้นทุนการบริหารจัดการให้กับผู้ประกอบการได้ ประกอบกับ ได้รับแรงสนับสนุนจากการลงทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงโครงการขนาดกลางและขนาดเล็ก ส่งผลให้ผู้รับเหมาก่อสร้างต่างก็ได้รับงานจำนวนมาก และเชื่อว่าในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า การลงทุนภาคเอกชนก็จะตามมามากขึ้นเช่นกัน เป็นปัจจัยบวกต่ออุตสาหกรรมก่อสร้างอย่างมาก
"ปีนี้เรามองว่ารายได้ของเราน่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการจับมือกับกลุ่มมิลล์คอน ทำให้จำนวนสินค้ามีมากขึ้น และความสามารถในการจัดส่งครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น ซึ่งเราตั้งเป้าจะมีสินค้าถึง 5 หมื่นรายการ รวมถึงยังมีการขยายเครือข่ายไปยังต่างประเทศเพิ่มเติม อย่าง พม่า" นายไผท กล่าว
ขณะที่นายสิทธิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ความคืบหน้าของการลงทุนตั้งโรงงานผลิตเหล็กในพม่าจะเริ่มผลิตได้ในเดือน พ.ค.59 และธุรกิจเทรดดิ้ง หรือการส่งออกสินค้าไปยังพม่า คาดว่าจะมียอดขายเฉลี่ย 10,000 ตัน/เดือน อัตรากำไรสุทธิราว 2-3% ขณะที่บริษัทยังคงเป้าปริมาณการขายเหล็กปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 9 แสนตัน หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 7% จากปีก่อนที่มีปริมาณการขายอยู่ที่ 8.09 แสนตัน ขณะที่ราคาเหล็กมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามกำลังซื้อ